วันเสาร์ที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2560

แจก 11 สูตรความงามฉบับโบราณ เคล็ดลับผิวสวยที่สาวๆอยากบอกต่อ


แจก 11 สูตรความงามฉบับโบราณ เคล็ดลับผิวสวยที่สาวๆอยากบอกต่อ

เคยสงสัยบ้างไหมว่า? ทำไมสาวๆสมัยก่อนถึงได้มีผิวพรรณสวยงาม วันนี้เราขอแนะนำสูตรประทินโฉม

ที่บอกกันมารุ่นต่อรุ่น สูตรไหนชัวร์ สูตรไหนมั่วนิ่ม ห้ามเปิดผ่าน! ไม่งั้นคุณจะเสียใจ

สูตรที่ 1 น้ำต้มกิ่งมะขามรักษาสิวเรื้อรัง

วัตถุดิบ: กิ่งมะขามเล็ก ๆ ที่ไม่แก่เกินไปประมาณ 5 กิ่ง

วิธีใช้: นำกิ่งมะขามทั้งหมดมาต้มให้เดือดนานประมาณ 10 นาที ทิ้งไว้จนเย็น นำมาล้างหน้าเช้า-เย็นทุกวัน ประมาณ 1 สัปดาห์ ปัญหาเรื่องสิวจะค่อย ๆ ดีขึ้น

เวิร์กหรือไม่: ไม่ยืนยันว่ากิ่งมะขามใช้แล้วจะได้ผลดีนะคะ และคาดว่าสูตรนี้น่าจะเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นที่ยังไม่มีบันทึกไว้ในคัมภีร์แพทย์แผนโบราณอย่างเป็นระบบแต่อาจจะเป็นสูตรที่บอกเล่าสืบต่อกันมา เพราะตามตำราโบราณของไทยมักจะใช้ส่วนฝักซึ่งเป็นมะขามสุกและใช้แก้ท้องผูก เพราะมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อได้ รวมทั้งมีกรด AHA ช่วยกระตุ้นให้ผิวผลัดเร็วขึ้น ซึ่งโดยทั่วไปเขาใช้ผสมในเคลนซิ่งครีม หรือครีมขัดผิวทั้งหลายแหล่

ช่วงนี้ชี้แนะ: ความจริงพืชผักที่มีรสเปรี้ยวทั้งหลายก็คือกรดอ่อน ๆ นั่นเอง ที่มักจะมีคุณสมบัติล้างผิวหนังที่แก่ตายแล้วให้หลุดลอกเร็วขึ้น อย่างมะนาว มะขาม กระเจี๊ยบ อันนี้ใช่เลย แต่ที่บางคนใช้แล้วแพ้ ผิวลอกหน้าเป็นขุย ผื่นถามหา เพราะดันไปใช้ในปริมาณความเข้มข้นสูงเกินไป อย่างที่บางคนอุตริฝานมะนาวเป็นแผ่นแล้วเอามาทาหน้าซะอย่างนั้น ถ้ารู้จักนำมาเจือจางน้ำสุกก่อนล้างหน้าจะไม่เป็นอันตรายต่อผิว เพราะเวลากินเรายังปลอดภัยเลย ประสาอะไรกับผิวกายภายนอก

สูตรที่ 2 น้ำมันมะกอกใส่ไข่ไก่ช่วยให้ผมสวย มีน้ำหนัก (เหมาะกับผมเส้นเล็ก)

วัตถุดิบ: น้ำมันมะกอกบริสุทธิ์ ไข่ไก่ 1 ฟอง

วิธีใช้: น้ำมันมะกอก 1 ถ้วย ผสมไข่ไก่ 1 ฟอง ตีให้เข้ากัน นำมาชโลมและนวดผมให้ทั่วทั้งศีรษะ ทิ้งไว้ประมาณครึ่งชั่วโมง ล้างออกแล้วสระผมด้วยแชมพูตามปกติ แต่สูตรนี้ไม่จำเป็นต้องใช้ครีมนวดผม ทำเป็นประจำ ผมที่เคยแห้งกรอบจะกลับมานุ่มมีน้ำหนัก

เวิร์กหรือไม่: เวิร์กแน่ ๆ แต่สำหรับเมืองไทย ควรจะเปลี่ยนมาใช้น้ำมันรำดิบกับไข่ไก่จะเวิร์กสุด ๆ เพราะน้ำมันรำดิบมีคุณประโยชน์ไม่แพ้กัน แถมยังหาง่ายและถูกสตางค์กว่ามาก สูตรนี้เป็นสูตรดั้งเดิมของคนยุโรปใต้ที่เราไปลอกเลียนเขามา ไม่ได้ค้นคิดขึ้นเอง ก็แหมบ้านเรามีโอลีฟ ออยล์ อย่างอิตาลี ตุรกี และกรีซ ที่ไหนล่ะ

สูตรที่ 3 น้ำมะขามเปียกคืนชีวิตชีวาให้เส้นผม

วัตถุดิบ: น้ำมะขามเปียกครึ่งถ้วย

วิธีใช้: สระผมด้วยแชมพูอ่อน ๆ 1 ครั้ง แล้วชโลมน้ำมะขามเปียกให้ทั่วศีรษะ หมักทิ้งไว้ประมาณ 1 ชั่วโมง สระออกด้วยแชมพูอีกครั้ง ทำซ้ำ ๆ ประมาณ 1 สัปดาห์ ผมที่แห้งกรอบจะนุ่มและสุขภาพดีขึ้น

เวิร์กหรือไม่: ไม่ขอส่งเสริมให้ใช้ เพราะตามสูตรระบุแค่ว่าใช้น้ำมะขามเปียกครึ่งถ้วย ทีนี้ในการเตรียมน้ำมะขามเปียกนี่ ถ้าให้ถูกหลักต้องกำหนดให้แน่ชัดว่าละลายในน้ำต้มปริมาณเท่าใด สูตรนี้บกพร่องตรงที่ไม่ได้บอกขนาดและปริมาณมะขามต่อน้ำที่ชัดเจน ถ้าเป็นภูมิปัญญาที่เชื่อถือได้จริง ๆ อย่างตำรายาหลวง จะระบุขนาดยาที่แน่นอนไว้เลย ว่าต้องใช้ส่วนผสมอะไร เท่าไร อย่างไร สูตรนี้น่าจะเป็นสูตรพื้นบ้านอย่างใดอย่างหนึ่ง ซึ่งคนเคยใช้คงรู้ปริมาณโดยวงใน เพราะทำใช้กันเองจนชิน

สูตรที่ 4 เกลือแก้ผมร่วง

วัตถุดิบ: เกลือ

วิธีใช้: ผสมเกลือ 3 ช้อนโต๊ะ กับน้ำอุ่นครึ่งถ้วย คนให้เกลือละลายจนหมด ใช้นวดบนเส้นผมที่สะอาดให้ทั่วศีรษะประมาณ 5 นาที จึงล้างออกให้สะอาด ทำบ่อย ๆ ผมจะหยุดร่วงในที่สุด

เวิร์กหรือไม่: ที่สูตรบอกว่าแก้ผมร่วง อาจเพราะเกลือที่มีคุณสมบัติฆ่าเชื้อได้ แต่ตรงนี้น่าจะเป็นแค่ตัวเสริมไม่ให้หนังศีรษะติดเชื้อ คงไม่ใช่ตัวหลักในการรักษาผมร่วง ปกติแล้วเกลือจะแรงและระคายเคืองต่อผิวหนัง จึงต้องระมัดระวังเรื่องความเข้มข้นที่ใช้ และที่จริงเกลือจะละลายในน้ำ ฉะนั้นเกลือจะฆ่าเชื้อเฉพาะสภาพผิวหนังที่มีความชื้นหรือมีน้ำเท่านั้น จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะไปลดความมันของหนังศีรษะ ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของผมร่วง

ช่วงนี้ชี้แนะ: ถ้าจะใช้เกลือกับผิวพรรณละก็ ความเข้มข้นของน้ำเกลือที่ควรใช้คือประมาณ 0.9% ซึ่งปลอดภัยพอที่จะไม่ทำให้ผิวระคายเคือง

สูตรที่ 5 น้ำคั้นจากใบตำลึง เพื่อผมดำเงางาม

วัตถุดิบ: ใบตำลึง

วิธีใช้: คั้นน้ำจากใบตำลึงสดให้ได้ 1 ถ้วย (แบบข้น ๆ) หลังสระผมด้วยแชมพูอ่อน ๆ 1 ครั้ง นวดน้ำตำลึงที่คั้นไว้ให้ทั่วศีรษะ หมักทิ้งไว้ประมาณครึ่งชั่วโมง ทำประจำประมาณ 3 สัปดาห์ ผมจะดำเป็นเงางาม

เวิร์กหรือไม่: สูตรนี้ไม่ได้ถูกระบุไว้ในตำรายาแผนโบราณของไทย จึงไม่ยืนยันว่าใช้ได้ผลจริง เพราะไม่ทราบที่มาของต้นตอ ปกติแล้วตำลึงเป็นยาเย็นใช้ดับพิษ ถอนพิษ แก้ตาช้ำ ตาแดง ปวดตา ใช้เป็นยาลดไข้ มองไม่เห็นเลยว่ามีส่วนไหนใช้ได้ดีกับเส้นผม

ช่วงนี้ชี้แนะ: ถ้าอยากจะรู้ว่าจะใช้ได้ผลจริงหรือไม่ต้องให้ผู้เชี่ยวชาญ ลองนำไปพิสูจน์ตามหลักเกณฑ์ 3 แนวทาง คือหนึ่ง-ในใบตำลึงมีสารที่เป็นคุณประโยชน์ต่อผมจริงไหม สอง-ใช้แล้วปลอดภัยหรือเปล่า และสาม-ใช้ได้ผลจริงหรือไม่ เหลืออีก 6 สูตรความงามโบราณที่เราจะวิเคราะห์ให้คุณได้รู้จริงไม่มีมั่ว! ไว้ติดตามกันตอนต่อไปนะคะ

สูตรที่ 6 ชาถุงปลอบประโลมผิวไหม้เกรียม

วัตถุดิบ: ชาชนิดถุง

วิธีใช้: นำชาถุงมาชงน้ำร้อน ทิ้งไว้จนเย็นใช้น้ำชาที่เย็นแล้วทาผิวที่ไหม้เกรียมให้ทั่ว ส่วนถุงชายังมีประโยชน์ สามารถใช้ประคบตาช่วยลดอาการตาบวมได้ เวิร์กหรือไม่: ปกติชาเป็นตัวต้านอนุมูลอิสระแต่ยังมีอิทธิฤทธิ์อื่น ๆ อีก เช่น ฆ่าเชื้อ แก้อักเสบ เวลาผิวหนังคนเราไหม้เกรียมมักจะแสบร้อนเพราะอาการอักเสบ ชาในสูตรนี้จึงแก้อักเสบและฆ่าเชื้อในคราวเดียวกัน สารในชาที่มีฤทธิ์ป้องกันผิวไหม้เกรียมจะอยู่ในกลุ่มของสารต้านอนุมูลอิสระ อย่างพวก แคทติชิน ส่วนถุงชาช่วยลดอาการตาบวม ก็ใช้หลักการเดียวกับลูกประคบทั่วไป แต่แนะนำให้แช่น้ำร้อนทิ้งไว้พออุ่นก่อนนำมาโปะตา ไม่ใช่แช่ตู้เย็นแล้วนำมาโบ๊ะ

ช่วงนี้ชี้แนะ: การเลือกใช้ชาบ้านเราต้องเลือกที่คุณภาพดี อาจใช้มาตรฐานที่ อย.รับรองแล้วก็ได้ เราควรดูรายละเอียดข้างฉลากด้วยว่ามีแคทติชิน ซึ่งเป็นสารที่มีประโยชน์ที่สุดอยู่กี่มากน้อย

สูตรที่ 7 น้ำนมข้าวโพดบำรุงผิว

วัตถุดิบ: ข้าวโพดดิบ 1 ฝัก

วิธีใช้: แกะเอาแต่เมล็ดข้าวโพด โขลกหรือปั่นให้ละเอียด คั้นเอาแต่น้ำนม ทาให้ทั่วใบหน้าทุกวัน จะบำรุงผิวให้มีน้ำมีนวล

เวิร์กหรือไม่: บำรุงผิวได้จริง เพราะข้าวโพดมีสารอาหารที่มีประโยชน์หลายชนิด เช่น กรดอะมิโน และวิตามินต่าง ๆ ช่วยบำรุงเซลล์

ช่วงนี้ชี้แนะ: อย่าเอ๋อโขลกทาตอนเป็นสิวเชียว เดี๋ยวสิวเห่อเต็มหน้าจะแย่ เพราะของดีมีประโยชน์ก็เป็นของชอบของแบคทีเรียนะ จำไว้

สูตรที่ 8 น้ำมันมะพร้าวสูตรคนอินเดีย

วัตถุดิบ: มะพร้าวขูด 1 ถ้วย

วิธีใช้: คั่วมะพร้าวขูด 1 ถ้วยให้แห้ง นำมาคั้นเอาแต่น้ำมันใช้ทาผมทุกวันโดยไม่ต้องล้างออก จะช่วยให้ผมดำสลวย ไม่หงอกขาว

เวิร์กหรือไม่: ได้ผลชัวร์ ๆ เพราะเป็นสูตรที่คิดค้นและใช้กันมาหลายพันปีแล้ว เป็นภูมิปัญญาของอินเดียโบราณ (อายุรเวดิค เมดิซีน) ยาปลูกผมของชาวอินเดียจะใส่น้ำมันมะพร้าวเป็นหลัก สารสำคัญในน้ำมันมะพร้าวนั้นมีทั้งตัวขจัดรังแค และกระตุ้นให้เซลล์เส้นผมเจริญเติบโตดี ทำให้เซลล์สมบูรณ์ ช่วยให้ผมดกดำเป็นเงางาม มีฤทธิ์หล่อลื่น ผมจึงสลวยสวยเก๋

ช่วงนี้ชี้แนะ: แต่สูตรนี้คลาดเคลื่อนไปตรงที่น้ำมันมะพร้าวดังกล่าวไม่ใช่ชนิดที่ใช้ความร้อนกลั่นออกมา ต้องใช้วิธีบีบเย็นคือ เอาเนื้อมะพร้าวแก่ที่เพิ่งกะเทาะจากกะลา มาบีบเอาแต่น้ำมันโดยไม่ใส่น้ำ ไม่งั้นจะกลายเป็นน้ำกะทิขาว ๆ ข้น ๆ ใช้ไม่ได้ผลอีกเช่นกัน น้ำมันแบบบีบเย็นนี้จะใส ๆ และมีกลิ่นหอมแบบของสด ไม่ใช่น้ำมันมะพร้าวเคี่ยวไฟ ที่เมื่อทิ้งไว้จะมีกลิ่นเหม็นหืน

สูตรที่ 9 มะเขือเทศผสมมะนาวลดปัญหาผิวมัน

วัตถุดิบ: น้ำมะเขือเทศสดและน้ำมะนาวสด

วิธีใช้: ผสมน้ำมะเขือเทศสด 2 ช้อนโต๊ะ และน้ำมะนาวสด 1 ช้อนโต๊ะ ใช้ทาหน้าทุกเช้าและทิ้งไว้ประมาณครึ่งชั่วโมง จะช่วยลดความมันบนใบหน้า

เวิร์กหรือไม่: การันตีว่าได้ผลดีเอามาก ๆ เพราะมะเขือเทศมีสารละลายไขมันได้และสารสำคัญที่กำลังฮิตในมะเขือเทศตอนนี้ คือตัวต้านอนุมูลอิสระ ยิ่งผสมมะนาวเข้าไปก็เหมือนกับใส่ AHA ช่วยกระตุ้นผิวหนังกำลังสอง

ช่วงนี้ชี้แนะ: ถ้ามะเขือเทศหมดตู้ ไม่ต้องวัยรุ่นเซ็ง เราสามารถใช้น้ำมันรำดิบเช็ดทำความสะอาดผิวแล้วล้างออก ก็ช่วยชำระความมันได้ดีไม่แตกต่างกัน เพราะปกติสารจำพวกน้ำมันนี้นิยมใช้เป็นส่วนประกอบของแชมพู หรือโลชั่นล้างทำความสะอาดผิวอยู่แล้ว

สูตรที่ 10 น้ำซาวข้าวเจ้ารักษาสิวฝ้า

วัตถุดิบ: ข้าวเจ้าดิบ

วิธีใช้: ใช้น้ำซาวข้าวครั้งที่สอง ชโลมทิ้งไว้ประมาณ 15 นาทีแล้วล้างออก ทำเป็นประจำจะช่วยแก้สิวฝ้า บำรุงผิวหน้าให้ขาวนวลขึ้น

เวิร์กหรือไม่: สมุนไพรใดจะสามารถรักษาสิวได้ ต้องมีคุณสมบัติในการฆ่าเชื้อเป็นหลัก แต่ในน้ำซาวข้าวส่วนใหญ่มีแต่สารบำรุง เช่น วิตามินต่าง ๆ กรดอะมิโน ซึ่งล้วนแต่เป็นอาหารเลี้ยงเชื้อทั้งสิ้น ขืนใช้ชโลมหน้า มีหวังสิวเขรอะ เปรียบง่าย ๆ ก็เหมือนเราเอาอาหารที่อุดมด้วยประโยชน์ไปเลี้ยงเชื้อ ส่วนที่ระบุว่ารักษาฝ้าได้นั้น ปัจจุบันตัวยาที่รักษาฝ้าถาวรแทบจะไม่มี มีแต่สารป้องกันให้ฝ้าจางลงเท่านั้น ซึ่งพอหยุดใช้สักพักฝ้า ก็กลับมาเป็นใหม่

ช่วงนี้ชี้แนะ: ถ้าจะใช้สมุนไพรทำเองสด ๆ สำหรับรักษาสิวแล้วละก็ น่าจะใช้ใบบัวบกมากกว่า เพราะมีตัวยาฆ่าเชื้อแบคทีเรียได้ ปัจจุบันตัวยาสมุนไพรทั่วไปที่ใช้รักษาสิว มักผสมสารสกัดจากใบบัวบกซึ่งมีคุณสมบัติต้านเชื้อ สารสกัดจากเสลดพังพอนตัวเมีย และพญายอ ซึ่งมีฤทธิ์ต้านไวรัสผสมมอยส์เจอไรเซอร์ คือว่านหางจระเข้บำรุงผิวให้ชุ่มชื่นอีกนิด แต่ถ้าอยากจะใส่สมุนไพรที่มีซันบล็อก ก็เติมน้ำมันรำดิบเข้าไปแค่นี้ก็ซูเปอร์เพอร์เฟ็กต์

สูตรที่ 11 นมผสมน้ำผึ้งและน้ำมะนาวไวเทนนิ่งแบบพื้นบ้าน

วัตถุดิบ: นมสดน้ำผึ้งแท้ 100% น้ำมะนาวสด

วิธีใช้: ผสมน้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ นมสด 2 ช้อนโต๊ะ น้ำมะนาวสด 2 ช้อนโต๊ะ คนให้เข้ากัน ทาทั่วใบหน้าแล้วทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที ทำเป็นประจำทั้งเช้าและเย็น จะช่วยให้ผิวหน้าขาวขึ้น สูตรนี้สำหรับสาวผิวแห้งเท่านั้น

เวิร์กหรือไม่: สูตรนี้ที่จริงไม่ได้เป็นไวเทนเนอร์ เพราะของจากธรรมชาติที่จะเป็นไวเทนเนอร์ได้ ต้องมีคุณสมบัติป้องกันไม่ให้เมลานินบนผิวหนังสร้างสี แต่น่าจะเป็นตัวล้างผิวมากกว่า ช่วยขัดผิวที่ตายแล้วให้หลุดออกไปเร็วขึ้น หน้าจะได้ไม่หมองคล้ำ ส่วนน้ำผึ้งมีคุณสมบัติเป็นมอยส์เจอไรเซอร์ชั้นดี เพราะมีคุณสมบัติดูดความชื้น เมื่อทาแล้วผิวจึงชุ่มชื้นเช่นเดียวกับน้ำนม

นิตยสาร Women's Health ฉบับเดือนมิถุนายน 2013 / http://www.womenshealththailand.com/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น