วันจันทร์ที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2560

ลองใช้ส่วนผสมนี้เพียง 3 คืนจะช่วยกำจัดจุดต่างๆ บนใบหน้า และทำให้ผิวหน้าของคุณสวยงามเปล่งปลั่งจนน่าตะลึง


ลองใช้ส่วนผสมนี้เพียง 3 คืนจะช่วยกำจัดจุดต่างๆ บนใบหน้า และทำให้ผิวหน้าของคุณสวยงามเปล่งปลั่งจนน่าตะลึง

มีผลิตภัณฑ์มากมายที่การันตีว่าช่วยลบเลือนจุดด่างดำบนใบหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่คุณรู้ไหมว่ามีสารเคมีอยู่ในผลิตภัณฑ์เหล่านั้นที่ก่อความเสียหายอย่างร้ายแรงต่อผิวหน้าของคุณ

ด้วยเหตุนี้เราจึงอยากแนะนะมาสก์ธรรมชาติที่ทำจากมันฝรั่งที่จะช่วยกำจัดจุดต่างๆ บนใบหน้าให้กับคุณและยังช่วยทำให้ผิวหน้าของคุณสดใสเปล่งปลั่งไปพร้อมๆ กัน

สิ่งที่คุณต้องเตรียมเพื่อลบจุดด่างดำบนใบหน้าของคุณ?

สูตรที่ 1.มันฝรั่งและมะนาว

เตรียม:

มันฝรั่ง 1 ชิ้น

น้ำมะนาว ½ ลูก

ปั่นผสมมันฝรั่งแล้วเพิ่มน้ำมะนาวลงไปปั่นจนกว่าจะเป็นเนื้อเดียวกัน

จากนั้นนำส่วนผสมนี้มานวดเบาๆ เป็นวงกลมบนใบหน้าของคุณและพอกทิ้งไว้เป็นเวลา 20 นาทีและล้างหน้าให้สะอาด

สูตรที่ 2. มันฝรั่งและแตงกวา

เตรียม:

มันฝรั่ง 1 ชิ้น

แตงกวา ½ ลูก

ใส่มันฝรั่งและแตงกวาลงในเครื่องปั่นและปั่นผสมจนเป็นเนื้อเดียวกัน

จากนั้นนำส่วนผสมนี้มานวดเป็นวงกลมอย่างอ่อนโยนบนใบหน้าของคุณและพอกทิ้งไว้เป็นเวลา 25 นาทีและล้างหน้าให้สะอาด

อ้างอิง : cuisineandhealth.com แปลข้อมูลโดย : www.rak-sukapap.com

ห้ามพลาด ด้วยส่วนผสมที่น่าทึ่งนี้ จะช่วยฟื้นฟูผมเสียของคุณ แม้แต่ผมที่ผ่านการย้อมสี


ห้ามพลาด ด้วยส่วนผสมที่น่าทึ่งนี้ จะช่วยฟื้นฟูผมเสียของคุณ แม้แต่ผมที่ผ่านการย้อมสี

นี่คือสูตรหมักผมที่จะช่วยปรับปรุงทุกสภาพเส้นผมให้กลับมาสวยงามและแข็งแรงอีกครั้ง และยังช่วยลดการหลุดร่วงพร้อมช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตของเส้นผม

ส่วนผสมหลักของสูตรนี้คือยีสต์! สำหรับการฟื้นฟูผมเสียคุณควรใช้สัปดาห์ละ 2 ครั้ง และเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดควรดูแลด้วยวิธีนี้สัปดาห์ละ 2 ครั้งติดต่อกันเป็นเวลา 2 เดือน v สูตรหมักผมนี้ไม่เพียงมีประสิทธิภาพสูงแต่ยังช่วยให้เส้นผมแข็งแรงขึ้นอีกด้วย!

สูตรยีสต์เหมาะสำหรับเส้นผมทุกประเภทมันช่วยยับยั่งการหลุดร่วงของเส้นผมและทำให้เส้นผมกลังมางอกใหม่ได้อีกครั้งอย่างรวดเร็ว

สูตรหมักผมด้วยยีสต์ป้องกันผมร่วงและช่วยทำให้เส้นผมแข็งแรง :

คุณจะต้องเตรียม:

- น้ำอุ่น 1 ช้อนโต๊ะ

- น้ำผึ้ง 1 ช้อนชา

- ยีสต์สด 7 กรัม หรือ ยีสต์แห้ง 20 กรัม

วิธีทำ:

นำน้ำผึ้ง 1 ช้อนชามาละลายในน้ำอุ่น 1 ช้อนโต๊ะ และใส่ยีสต์แห้ง 20 กรัมตามลงไปผสมทิ้งไว้ประมาณ 15-20 นาที

ก่อนใช้ส่วนผสมนี้ให้คุณทำความสะอาดเส้นผมให้เปียกชุ่มและนำส่วนผสมมาหมักให้ทั่วเส้นผมห่อทับด้วยพลาสติกคลุมผมและใช้ผ้าขนหนูห่อทับอีกชั้น ทิ้งไว้ไม่เกิน 2 ชั่วโมง จากนั้นสระผมให้สะอาดด้วยน้ำอุ่น

ยีสต์ที่อยู่ในส่วนผสมนี้จะช่วยเพิ่มวิตามิน โปรตีน และแร่ธาตุที่จำเป็นสำหรับการเจริญเติบโตของเส้นผมของคุณ สารอาหารจะถูกดูดซึมเข้าสู่รูขุมขนและช่วยฟื้นฟูเส้นผมที่ได้รับความเสียหายทั้งหมด

อ้างอิง : houseandfamilytips.com แปลข้อมูลโดย : www.rak-sukapap.com

เตือนอันตราย แบคทีเรียในช่องปาก เป็นสาเหตุของโรคร้ายถึงชีวิต


เตือนอันตราย แบคทีเรียในช่องปาก เป็นสาเหตุของโรคร้ายถึงชีวิต

เป็นที่ทราบกันมานานแล้วว่าโรคในช่องปากอย่างฟันผุและโรคเหงือก มีสาเหตุจากกลุ่มเชื้อ‘แบคทีเรียก่อโรค’ที่อาศัยอยู่ในช่องปาก ในบรรดาเชื้อก่อโรคเหล่านี้มีเชื้อที่ก่อโรคเหงือกอยู่ชนิดหนึ่งชื่อว่า “เชื้อจินจิวาริส(P. Gingivalis)”

โดยเมื่อไม่นานมานี้มีงานวิจัยทางการแพทย์ต่างๆพบว่า“เชื้อจินจิวาริส”นี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเกิดโรคร้ายแรงต่างๆ โดยเฉพาะ โรคที่เกี่ยวข้องกับเส้นเลือดอุดตันหรือแตก เช่น โรคหัวใจขาดเลือด, อัมพฤกษ์หรืออัมพาต เป็นต้น

เชื้อจินจิวาริสในปากทำให้เกิดโรคร้ายแรงที่เกี่ยวกับเส้นเลือดได้อย่างไร?...เชื้อจินจิวาริสที่อาศัยอยู่ตามซอกฟันจะค่อยๆเซาะไปตามเหงือก นานเข้าก็เดินทางไปถึงยังเส้นเลือดที่อยู่ลึกภายในเหงือก ในที่สุดก็แทรกเข้าไปเส้นเลือดนี้ทำให้เส้นเลือดเสียหาย เกิดเป็นเลือดซึมตามเหงือกได้

นอกจากนี้เชื้อจินจิวาริสที่อยู่ใกล้เคียงก็จะทยอยเข้าไปในเส้นเลือดนี้ ส่งผลให้เชื้อจินจิวาริสเหล่านี้เข้าไปในระบบไหลเวียนเลือดสามารถเดินทางไปได้ทั่วร่างกาย ถ้าเม็ดเลือดขาวจัดการเชื้อที่เข้ามานี้ไม่ได้หมด เกิดมีเชื้อบางตัวฝังตัวเข้าไปในผนังเส้นเลือดได้สำเร็จก็จะทำให้เส้นเลือดนั้นอักเสบจนเส้นเลือดอุดตันหรือแตกได้ ซึ่งถ้าเป็นเส้นเลือดที่อยู่ในสมองก็จะก่อโรคอัมพฤกษ์หรืออัมพาต ถ้าเป็นเส้นเลือดที่หัวใจก็จะเกิดเป็นโรคหัวใจขาดเลือดได้นั่นเอง

อะไรเป็นปัจจัยเสี่ยงที่เอื้อให้เชื้อจินจิวาริสนี้ก่อโรคร้ายแรงนี้ได้?...เชื้อจินจิวาริสยิ่งมีจำนวนมากเท่าไรโอกาสที่จะเกิดโรคร้ายก็จะยิ่งมากเท่านั้น ทั้งนี้ในปากเราเองก็มีเม็ดเลือดขาวที่คอยควบคุมเชื้อร้ายไม่ให้เพิ่มจำนวนมากขึ้น

แต่ถ้าเราไม่ค่อยได้แปรงฟันเชื้อร้ายนี้เพิ่มจำนวนมากขึ้นรวดเร็วจนเม็ดเลือดขาวต้านไม่ไหว เชื้อจินจิวาริสก็จะเซาะลงไปถึงเส้นเลือดในเหงือกสำเร็จก่อโรคร้ายแรงตามมาได้ ส่วนอาการที่บ่งชี้ถึงความเสี่ยงดังกล่าวคือ เหงือกอักเสบบ่อยๆ แปรงฟันแล้วเลือดออกง่าย

สำหรับแนวทางป้องกันภาวะเชื้อจินจิวาริสก่อโรคร้าย...ดูแลสุขภาพช่องปากให้ดี โดยการแปรงฟัน 3 เวลาหลังอาหาร ทำความสะอาดซอกฟันด้วยไหมขัดฟันเป็นประจำ และพบทันตแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพช่องปากอย่างสม่ำเสมอ

นอกจากนี้ จากผลงานวิจัยหนึ่งพบว่า‘สารคาเตคิน’ในชาเขียวสามารถยับยั้งการเจริญของเชื้อแบคทีเรียก่อโรคโดยไม่ทำอะไรแบคทีเรียที่ดีในช่องปาก ดังนั้นจึงแนะนำเพิ่มเติมให้บ้วนปากภายหลังการแปรงฟันด้วยน้ำ‘ชาเขียว’เข้มข้น(ชงผงชาเขียวในน้ำอุ่น)ก่อนนอน โดยไม่ต้องบ้วนน้ำเปล่าตามหลัง

[หมายเหตุ: ชาเขียวจะให้ผลได้ดีที่สุดเมื่อเทียบกับชาชนิดอื่นๆ และสีเขียวจากชาเขียวเองก็ไม่เคลือบติดบนฟันนะครับ]

Credit-Information: Iwai T, J Periodontal Res. 2009; Tamura M et al, Biol Pharm Bull. 2011 Credit-Pictures: NHK TV, Japan (ดัดแปลงภาพโดยใส่ข้อความภาษาไทย) อ้างอิง...Dr.Aki - หมออาคิ

น่าทึ่งมากๆ เธอใช้ขมิ้นทารอบดวงตาเพียง 10 นาที สิ่งที่น่าเหลือเชื่อก็เกิดขึ้น แถมช่วยป้องกันโรคได้หลายชนิด


น่าทึ่งมากๆ เธอใช้ขมิ้นทารอบดวงตาเพียง 10 นาที สิ่งที่น่าเหลือเชื่อก็เกิดขึ้น แถมช่วยป้องกันโรคได้หลายชนิด

ขมิ้นเป็นของคู่ครัวของชาวอินเดียที่มีความพิเศษ มันมีสีทองและรสชาติที่น่าประหลาด แต่สิ่งที่พิเศษกว่านั้น มันมีคุณสมบัติในการรักษาอย่างไม่น่าเชื่อ

มันถูกใช้กันอย่างแพร่หลาย มันมีคุณสมบัติเทียบเท่ากับยา แพทย์แผนจีนและอายุรเวทใช้ในการรักษาหลาย ๆ ปัญหาด้านสุขภาพ และความเจ็บปวดจากมะเร็ง

สิ่งที่ทำให้เครื่องเทศชนิดนี้พิเศษ คือมีคุณสมบัติในการต่อต้านริ้วรอย อาการอักเสบและสารต้านอนุมูลอิสระ

ในขมิ้นมีส่วนประกอบที่เรียกว่า เคอร์คูมิน ซึ่งถูกศึกษาอย่างละเอียดถี่ถ้วนในปีที่ผ่านมา ว่ามันมีประโยชน์มาก เป็นยาฆ่าเชื้อ ที่มีคุณสมบัติต้านการอักเสบและสารต้านอนุมูลอิสระ

นอกเหนือไปจากนั้น ขมิ้นยังมีสารอาหารอื่น ๆ เช่น วิตามิน แร่ธาตุ แคลเซียม และ ไฟเบอร์ ส่วนที่ดีที่สุดในส่วนประกอบคือ เคอร์คูมิน ซึ่งไม่เป็นพิษ และ ไม่ก่อให้เกิดผลข้างเคียงใด ๆ ดังนั้น มันจึงมีความปลอดภัยมากในการใช้

ขมิ้นมีประโยชน์ต่อสุขภาพ

ทำให้อารมณ์ดีขึ้น
ควบคุมโรคเบาหวาน

ขับสารพิษในตับ

ทำให้การย่อยอาหารดีขึ้น

ป้องกันการเกิดโรคอัลไซเมอร์

บำรุงหัวใจ

สมานแผล

ป้องกันการเกิดโรคไขข้ออักเสบ และ เป็นยาบรรเทาปวดตามธรรมชาติ

ช่วยป้องกันโรคมะเร็ง

ทำให้ผิวเปล่งปลั่งมีสุขภาพดี

ขมิ้นนั้นมีดีในการปกป้องผิวคล้ำและ ช่วยปรับสภาพผิว การใช้ขมิ้นเป็นประจำจะช่วยให้ผิวของคุณสดใสเปล่งปลั่ง

สูตร

ทั้งหมดที่คุณต้องทำคือ ผสมผงขมิ้น ½ ช้อนชา กับ น้ำมะนาวและน้ำมะเขือเทศ 1 ช้อนชา จากนั้นก็คนให้เข้ากันให้มีลักษณะเหมือนแป้ง

ใช้ส่วนผสมนี้ในการลดความหมองคล้ำรอบดวงตา และ ทาทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที ส่วนผสมนี้เป็นหนึ่งในการเยียวยาจากธรรมชาติที่ดีที่สุดในการรักษาความหมองคล้ำและ สามารถที่จะเช็ดออกตอนใหนก็ได้

อีกวิธีคือ การใช้ผงขมิ้นและน้ำสับปะรดผสมกัน ทาทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที รอบดวงตา ผลลัพธ์ที่ออกมาจะทำให้ผิวสว่างสดใส

คุณเคยได้ยินคำว่า "โกลเด้นมิลล์" ไหม นี้คือการรักษาแบบโยคีโบราณ และยังเป็นทีแพร่หลายในการรักษาปัญหาสุขภาพต่าง ๆ รวมทั้ง พยาธิ ไตติดเชื้อ ริ้วรอย ติดเชื้อในกระเพาะปัสสาวะ ติดเชื้อไวรัส อุจจาระร่วง ไข้หวัด ปวดกล้ามเนื้อ หลอดลมอักเสบ ปวดศีรษะ และ โรคไขข้ออักเสบ

สูตรโกลเด้นมิลล์

ส่วนผสม:

นม 1 ถ้วย

น้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์ ½ ช้อนชา

น้ำผึ้งสด 1 ช้อนชา

ขมิ้น ½ ช้อนชา

พริกไทยดำสด ½ ช้อนชา

วิธีทำ

เริ่มจาก นำนมไปต้ม ใส่อบเชย น้ำมันมะพร้าว น้ำผึ้ง ขมิ้นและพริกไทย คนไปเรื่อยๆ จนส่วนผสมเดือด เมื่อแน่ใจว่ามันไม่ร้อนแล้ว จากนั้นเตรียมเสริฟ โกลเด้นมิลล์ ได้เลย

อ้างอิง : finelivingadvice.com แปลข้อมูลโดย : www.rak-sukapap.com

ทำก่อนสุขภาพดีก่อน! เคล็ดลับ 12 ข้อจากแพทย์จีน อ่านแล้วทำเลยมันดีมาก


ทำก่อนสุขภาพดีก่อน! เคล็ดลับ 12 ข้อจากแพทย์จีน อ่านแล้วทำเลยมันดีมาก

1. หวีผมบ่อยๆ

หวีผมเบาๆ บ่อยหน่อยช่วยให้ตาสว่าง และรากผมแข็งแรง (ใช้หวีซี่ห่างหน่อย แปรงเบาหน่อย เพื่อกันผมหลุด)

2. ถูใบหน้าบ่อยๆ

ล้างมือด้วยสบู่ หรือเจลแอลกอฮอล์ให้สะอาดก่อน หลังจากนั้นใช้ฝ่ามือ 2 ข้างถู หน้าเบาๆ บ่อยหน่อยเพื่อกระตุ้นให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น ใบหน้าเปล่งปลั่ง

3. เคลื่อนไหวดวงตาบ่อยๆ

ให้มองไกล-มองใกล้ มองข้างนอก-ข้างใน มองบน-มองล่าง หลีกเลี่ยงการมอง หรือจ้อง อะไรนานๆ โดยเฉพาะคนที่ทำงานคอมพิวเตอร์ควรพักสายตาด้วยการมองไกลอย่างน้อยทุกชั่วโมง

4. กระตุ้นใบหูบ่อยๆ

การดึงหู ดีดหู บีบหู ถูใบหูเบาๆ บ่อยหน่อย ช่วยบำรุงตานเถียน (จุดฝังเข็ม) ซึ่งเป็นตำแหน่งที่เก็บพลังงานของร่างกาย (ใต้สะดือ) สัมพันธ์กับไต ซึ่งเปิดทวารที่หู ทำให้แรงดี ป้องกันเสียงดังในหู หูตึง และอาการเวียนหัว

5. ขบฟันบ่อยๆ

ขบฟันเบาๆ บ่อยหน่อย (ไม่ใช่ขบแรงดังกรอดๆ) ช่วยให้ฟันแข็งแรง และกระตุ้นการหลั่งน้ำย่อย

6. ใช้ลิ้นดุนเพดานปากบ่อยๆ

การใช้ปลายลิ้น กระตุ้นเพดานบนด้านหน้าเป็นการกระตุ้นจุดฝังเข็ม เพื่อเชื่อมพลัง ลมปราณตู๋และเยิ่น ซึ่งเป็นเส้นควบคุมแนวกลางลำตัวส่วนหลัง และส่วนหน้าร่างกาย ทำให้เกิดการกระตุ้นการหลั่งสารน้ำ และน้ำลาย

7. กลืนน้ำลายบ่อยๆ

การกลืนน้ำลายบ่อยๆ ช่วยกระตุ้นพลังบริเวณคอหอย และกระตุ้นการย่อยอาหาร

8. หมั่นขับของเสีย

หมั่นขับของเสีย โดยเฉพาะดื่มน้ำให้พอ กินอาหารที่มีเส้นใย ออกกำลัง เพื่อป้องกันท้องผูก เมื่อปวดปัสสาวะหรืออุจจาระให้ถ่ายทันที อย่ารอโดยไม่จำเป็น การทิ้งของเสียไว้ในร่างกายนานเกินทำให้เกิดสารพิษ และการดูดซึมสารพิษ (กลับเข้าสู่ร่างกาย) มากขึ้น ทำให้ป่วยง่าย

9. ถูหรือนวดท้องบ่อยๆ

ให้นวดท้องตามเข็มนาฬิกาเบาๆ เพื่อช่วยให้การขับถ่ายของเสียดีขึ้น

10. ขมิบก้นบ่อยๆ

การขมิบก้นบ่อยๆ ช่วยป้องกันริดสีดวงทวาร และท้องผูก

11. เคลื่อนไหวทุกข้อ

การอยู่นิ่งๆ หรืออยู่ในท่าใดท่าหนึ่งนานเกินไป ทำให้เกิดโรคได้ง่าย ควรเคลื่อน ไหวข้อต่างๆ ให้ครบทุกข้อทุกวัน ฝึกฝนการใช้กล้ามเนื้อและข้อให้สมดุล เช่น การฝึกชี่กง ไท้เก้ก โยคะ ฯลฯ

12. ถูผิวหนังบ่อยๆ

ใช้ฝ่ามือถูตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย คล้ายกับการถูตัวเวลาอาบน้ำ มีส่วนช่วยให้ เลือดและพลังไหลเวียนดี

เรียนเชิญท่านผู้อ่านลองนำไปปฏิบัติดู เพื่อสุขภาพ พลัง และลมปราณที่ดีไป นานๆ

ข้อมูลจาก http://kesihatan.psu.ac.th/health-care/206

อย่ารู้ช้าไป ถ้ารถประสบอุบัติเหตุโดนชน เราสามารถเรียกเงินก้อนโตจากประกันได้ เพียงทำแบบนี้


อย่ารู้ช้าไป ถ้ารถประสบอุบัติเหตุโดนชน เราสามารถเรียกเงินก้อนโตจากประกันได้ เพียงทำแบบนี้

คุณ Somchet J. Mhin ที่ได้โพสต์เรื่องราวของการเรียกคืนเงินสินไหมทดแทนค่าเสียประโยชน์จากประกัน ในกรณีที่รถเราโดนชนได้ โดยจากโพสต์ระบุว่า...

2 เดือนก่อน กำลังจะเลี้ยวรถเข้าบ้าน โดนชนตูด ต้องเสียเวลาซ่อมรถไปสี่สิบกว่าวัน เพราะบริษัทประกันของคู่กรณี มัวแต่จะประหยัดค่าอะไหล่ จึงเสียเวลาไปหาอะไหล่มือสองมาเปลี่ยนให้ แต่เด็กอู่กะเราซี้กัน เด็กอู่เลยตีกลับให้ใช้อะไหล่ใหม่ ส่วนเราก็ไม่ได้ไปเร่งอะไร เพราะมีรถสำรองใช้อยู่แล้ว ยิ่งลากยาวซ่อมนานเท่าไหร่ เดี่ยวจะสั่งสอนให้เข็ด

พอซ่อมเสร็จเลยเรียกเคลม "ค่าขาดประโยชน์" ไป 45 วัน เรียกไปวันละพัน บวกกับค่าเสื่อมสถาพรถ เป็นห้าหมื่นกว่าบาท บริษัทประกันเงิบครับ ต่อรองจะขอจ่ายแค่ 2 หมื่น เลยแกล้งยื้อเล่นๆ เขาเลยให้มา 25,000 ขี้เกียจวุ่นวาย ได้มา 25,000 ก็ดีกว่าไม่ได้เลย จะได้เอาไปหล่อทองหลวงปู่

จากกรณีตัวอย่างนี้ จึงอยากจะบอกเพื่อนๆว่า ถ้าเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ และเราเป็นฝ่ายถูก นอกจากคู่กรณีจะต้องซ่อมแซมรถเราให้อยู่ในสภาพเดิมแล้ว เรายังสามารถเรียกสินไหมค่าขาดประโยชน์จากการไม่ได้ใช้รถด้วยนะครับ ส่วนวิธีขอก็ไม่ได้ยุ่งยาก ยินดีให้คำปรึกษาครับ

และในทางกลับกัน หากเราไปชนเขา คู่กรณีก็มีสิทธิ์เรียกสินไหมค่าขาดประโยชน์ด้วยเช่นกันนะครับ

ผมเชื่อว่าคนรู้เรื่องนี้กันน้อย บริษัทประกันเลยได้ประโยชน์ไป ที่ไม่ถูกเรียกร้องสินไหมในส่วนนี้ แต่สำหรับเพื่อนๆ ตอนนี้ก็รู้แล้วนะครับ ต่อไปถ้ารถถูกชน ก็อย่าลืมไปเรียกค่าขาดประโยชน์จากบริษัทประกันของคู่กรณีนะครับ

และหลังจากเรื่องนี้ได้รับการแชร์ออกไปเป็นอย่างมากคุณ Somchet J. Mhin ก็ได้ออกมาโพสต์ให้ความรู้เพิ่มเติมอีกด้วยว่า...

ผมเขียนเรื่องการขอสินไหมค่าขาดประโยชน์ กรณีรถเราถูกชน ปรากฏว่ามีคนสนใจกันมาก แชร์ไปแปดพันกว่า แสดงว่าคนส่วนใหญ่ไม่มีความรู้ในเรื่องนี้ จึงทำให้ถูกบริษัทประกันภัยเอาเปรียบ และก็มีคนเขียนหลังไมค์มาถามเป็นร้อย จนผมเริ่มตอบไม่ไหว เลยขอตอบที่หน้าวอลล์เลยล่ะกัน

เอกสารที่ใช้ในการขอสินไหมค่าขาดประโยชน์ มี

1. สำเนาใบเคลม

2. สำเนาใบรับรถ(จากอู่ที่ซ่อมรถ ซึ่งเขาจะต้องลงวันที่ว่ารับรถวันไหน)

3. สำเนาทะเบียนรถ (เพื่อเป็นการแสดงว่า ใครเป็นเจ้าของรถ ถ้ารถติดไฟแนนซ์ ต้องมีสำเนาสัญญาไฟแนนซ์ด้วย)

4. สำเนาบัตรประชาชนของเจ้าของรถ

5. ใบมอบอำนาจ (ถ้าไม่ได้ไปเอง)

6. ใบเสร็จค่าใช้จ่ายต่างๆที่เกิดขึ้นในระหว่างที่ไม่มีรถใช้ เช่น ค่าเช่ารถ แต่ถ้าไม่มีก็ไม่เป็นไร บอกว่าขึ้นแท๊กซี่เอา

7. จดหมายขอค่าขาดประโยชน์ ดังตัวอย่างของผมดังนี้ครับ .....

วันที่ 18 กันยายน 2558

เรื่อง ขอเรียกสินไหมค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถระหว่างซ่อม

เรียน แผนกสินไหมทดแทน บริษัท สินมั่นคงประกันภัย จำกัด (มหาชน)

เอกสารแนบ
/> 1. สำเนาใบเคลม

2. สำเนาใบรับรถ

3. สำเนาทะเบียนรถ

4. สำเนาบัตรประชาชน

ข้าพเจ้า นายxxxxx xxxxxxxx เป็นเจ้าของรถยนต์ โตโยโต้ รุ่นแคมรี่ หมายเลขทะเบียน xx xxxx กทม. ถูกรถเทรลเลอร์ยี่ห้อ ISUZU ของบริษัท อาร์ อาร์ เอสทรานสปอร์ต จำกัด หมายทะเบียน 70-8725 ฉะเชิงเทรา เลขกรรมธรรม์ 5720425055 ชนท้ายที่ปากซอยรามอินทรา 45 เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2558

จากเหตุการณ์ดังกล่าว ทำให้รถของข้าพเจ้ามีความเสียหายดังนี้

1. กันชนหลังบุบและฉีก

2. ฝาปิดท้ายบุบบี้

3. บังโคลนหลังซ้ายขวาบุบ

4. แผงท้ายบุบ

5. ไฟท้ายซ้ายขวาแตก

6. ไฟทับทิมซ้ายขวาแตก

7. ท่อไอเสียแตก

ข้าพเจ้าได้จึงได้นำรถยนต์เข้าซ่อมที่ อู่ของบริษัท พีแอนด์ดับบลิว ออโต้เซ็นเตอร์ ซึ่งเป็นอู่ในเครือของ สินมั่นคงประกันภัย ในวันที่ 27 กรกฎาคม 2558 ซ่อมเสร็จ วันที่ 11 กันยายน 2558 ใช้ระยะเวลาซ่อม 46 วัน

ข้าพเจ้าทำงานเป็นผู้บริหารบริษัท xxxxxxxxxxxx จำกัด โดยปกติจะต้องใช้รถยนต์สำหรับติดต่อลูกค้าทั่วกรุงเทพฯและปริมณฑลทุกวัน ประมาณ 100-200 กม./วัน ในระหว่างที่นำรถเข้าซ่อมนั้น ข้าพเจ้าต้องใช้บริการรถแท็กซี่ในการเดินทางแทนและมีความไม่สะดวกในการเดินทางอย่างมาก

ดังนั้น จึงขอเรียกสินไหมดังต่อไปนี้

1. ค่าขาดผลประโยชน์จากการใช้รถ 1,000 บาทต่อวัน เป็นระยะเวลา 46 วัน รวม 46,000 บาท

2. ค่าเสื่อมสภาพรถจากอุบัติเหตุ 10,000 บาท

รวมทั้งสิ้น 56,000 บาท (ห้าหมื่นหกพันบาทถ้วน) ทั้งนี้ได้แนบตัวอย่างอัตราค่าเช่ารถโตโยต้าแคมรี่มาเพื่อประกอบการพิจารณา

จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณา

ขอแสดงความนับถือ

(นายxxxxxx xxxxxxxx)

ขอขอบคุณที่มาจากคุณ : Somchet J. Mhin และ kaijeaw

สะตอ กลิ่นแรงแต่ประโยชน์เพียบ กินป้องกันโรค พร้อมวิธีดับกลิ่น


สะตอ กลิ่นแรงแต่ประโยชน์เพียบ กินป้องกันโรค พร้อมวิธีดับกลิ่น

สะตอ ผักกลิ่นแรง แต่รสชาติก็ยังเป็นที่ถูกใจของใครหลายคน นำมาทำอาหารรับประทานได้หลายอย่าง ไม่ว่าจะนำมาผัด กินกับน้ำพริก กินคู่ส้มตำ ก็อร่อยไม่แพ้กัน แต่อย่าพูดถึงกลิ่นไม่พึ่งประสงค์นะคะ เรียกว่ายืนห่างกันเป็นเมตร กลิ่นยังโชยมาได้ตลอด

แต่ถึงสะตอจะกลิ่นแรงเพียงใด มันก็ประโยชน์อย่างมากมายนะคะ เช่น...

1.ประโยชน์สะตอมีส่วนช่วยบำรุงสายตา

2.ช่วยทำให้เจริญอาหาร

3.ช่วยป้องกันหลอดเลือดอุดตัน

4.ประโยชน์ของสะตอ ช่วยลดความดันโลหิต

5.ช่วยทำให้เม็ดเลือดแดงเกาะกลุ่มกันได้ดีขึ้น

6.มีผลต่อการแบ่งตัวของเซลล์

7.สะตอประโยชน์ ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด

8.เชื่อว่าการรับประทานเป็นประจำจะช่วยป้องกันการเกิดโรคเบาหวานได้

9.สรรพคุณของสะตอ ช่วยขับลมในลำไส้

10.ช่วยกระตุ้นการบีบตัวของลำไส้

11.สะตอ สรรพคุณช่วยในการขับปัสสาวะ

12.สรรพคุณสะตอ มีฤทธิ์เป็นยาระบาย ช่วยในการขับถ่าย

13.แก้ปัสสาวะพิการ

14.ช่วยแก้ไตพิการ

15.ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย

16.ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อรา

17.สะตอทําอะไรได้บ้าง เช่น สะตอผัดกุ้ง แกงป่าใส่สะตอ สะตอผัดกะปิกุ้งสด เป็นต้น

18.และยังใช้แปรรูปเป็นสะตอดองได้อีกด้วย ส่วนยอดสะตอนำมารับประทานเป็นผักเหนาะ

19.ใบของสะตอใช้ทำเป็นปุ๋ยบำรุงดิน

20.ลำต้นของสะตอใช้ทำเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งบ้าน

วิธีดับกลิ่นสะตอ เมื่อทานสะตอเข้าไปแล้วหลังทานเข้าไปจะมีกลิ่นปาก ซึ่งเราสามารถกำจัด กลิ่นอันไม่พึงประสงค์นี้ได้ด้วยการรับประทานมะเขือเปราะตามไปประมาณ 2-3 ลูก ก็จะช่วยดับกลิ่นเหม็นเขียวของสะตอได้ดีในระดับหนึ่ง

ข้อมูลจาก www.deedaily.com/beauty-fashion/1814

เตือนไว้เลย 15 สิ่งที่ควรเลิกทำ เมื่ออายุย่างเข้าเลข 3 ใครทำอยู่เลิกเลย


เตือนไว้เลย 15 สิ่งที่ควรเลิกทำ เมื่ออายุย่างเข้าเลข 3 ใครทำอยู่เลิกเลย

สำหรับผู้ใหญ่วัยทำงาน ที่อายุประมาณ 30 วันนี้เราเอาเรื่องดีๆที่คุณไม่ควรพลาดมาฝากกัน เพราะเป็นเรื่องที่น่าสนใจมากๆเลย คุณอาจจะได้ข้อคิดอะไรดีๆก็ได้ ไปดูกันเลย

1. หยุดการใช้จ่ายเงินอย่างฟุ่มเฟือย คุณต้องเริ่มคิดเกี่ยวกับการใช้เงิน ควรเริ่มเก็บเงินเพื่อเอาไว้ใช้ในอนาคตได้แล้ว คิดถึงตอนที่คุณเกษียณออกจากการสิ ว่าตอนนั้นคุณจะเอาเงินที่ไหนใช้ ถ้าไม่เริ่มเก็บตั้งแต่ตอนนี้ เพราะเพียงแค่เงินบำเหน็จบำนาญคงไม่พอหรอก

2. หยุดลังเลเกี่ยวกับการทำงานและการหางานใหม่ เมื่ออายุย่างเข้าวัย 30 คุณควรจะมีงานที่มั่นคงและเป็นงานที่คุณรักจริงๆได้แล้ว เพราะถ้าคุณยังลังเลกับงานที่ทำอยู่ และรู้สึกว่ามันไม่ใช่ทีหลัง มันฏ้คงจะสายเกินไปที่จะไปเริ่มทำงานอื่นใหม่

3. หยุดการเล่นอินเทอร์เน็ตที่มากเกินไป คุณควรเริ่มทำอะไรที่เป็นชิ้นเป็นอันและมีคุณค่าดีกว่า ยังจมกับการเล่นโซเชียล เล่นได้แต่ต้องมีขอบเขต เพราะสิ่งเหล่านี้ล้วนทำให้คุณเสียเวลาและไม่ได้ประโยชน์อะไรจากมันเลย

4. หยุดการโพสต์อะไรโง่ๆลง Facebook ได้แล้ว ในกรณีที่ คุณไปสมัครงาน และแน่นอนว่านายจ้างคุณต้องเช็คประวัติบน Facebook ของคุณแน่ๆ ดังนั้นไปตรวจดูว่าตัวเองได้โพสต์อะไรแย่ๆรึเปล่า และลบมันออกซะ!

5. หยุดนึกถึงความล้มเหลวในอดีคที่ผ่านมา เพราะการคิดถึงแต่เรื่องร้ายๆที่ผ่านมา จะทำให้ความสุขที่คุณควรจะได้รับในปัจจุบันหายไป อีกอย่างมันไม่ได้ช่วยให้คุณได้ทำงานดีๆที่คุณฝันไว้หรอกนะ ลืมมันไปเถอะ! แล้วมาเริ่มชีวิตใหม่กัน!

6. หยุดการเล่นมือถือขณะขับรถ พฤติกรรมนี้เป็นพฤติกรรมของพวกคนที่อายุต่ำกว่า 30 เขาทำกัน!! คุณถือว่ามีอายุมากสำหรับเรื่องความรับผิดชอบ ถ้าทำได้ จะช่วยลดปัญหาการจลาจรและอุบัติเหตุได้เยอะเลยล่ะ

7. หยุดนิสัยการนอนในวันหยุดสุดสัปดาห์ บางคนอาจจะคิดว่าการนอนในช่วงวันหยุดจะช่วยชดเชยช่วงเวลาที่ไม่ค่อยได้นอนตอนทำงาน แต่นักวิชาการออกมาบอกว่า มันไม่ได้ช่วยชดเชยเลยจริงๆแถมยังทำให้คุณเพลียยิ่งกว่าเดิม แทนที่จะนอนอยู่แบบนั้น ออกมาทำกิจกรรมสนุกๆดีกว่า

8. หยุดกินแอลกอฮลล์จนเมาค้าง การเมาค้างเป็นอะไรที่เสียเวลามากๆ แทนที่คุณจะได้ออกไปทำงานหรือข้างนอก คุณกลับต้องมาจมอยู่กับอาการเวียนหัวนี้โดยไม่ได้ทำอะไรเลย ฉะนั้นไม่ควรกินจนเมาขนาดนั้น และควรดื่มน้ำเยอะๆ

9. หยุดการสร้างมิตรภาพจอมปลอม ถึงเวลาที่คุณควรจะมีเพื่อนที่ดีและจริงใจกับคุณจริงๆแล้ว คนที่มาเพียงเพื่อจะเอาประโยชน์จากตัวคุณหรือเอาเปรียบคุณ ตัดพวกเขาออกไปจากชีวิตเถอะ ไม่ต้องแคร์!!

10. หยุดแก้ตัวเกี่ยวกับเรื่องการออกกำลังกาย หลายๆคนคงจะผลัดวันและเลี่ยงการออกกำลังกายมาตั้งแต่ยังเป็นหนุ่มสาวแล้ว แต่! เมื่ออายุย่างเข้าเลข 3 หมายความว่าร่างกายคุณกำลังจะร่วงโรยแล้วนะคะ ดังนั้นควรหันมาใส่ใจกับการออกกำลังกายจริงๆเสียที

11. หยุดพฤติกรรมการกินอาหารขยะ อายุขนาดนี้แล้ว ก็ควรจะรู้จักการทำอาหารทานเองได้แล้วนะคะ เพราะการทานอาหารขยะมันไม่ดีต่อร่างกายเลย และยิ่งอายุมากขึ้นยิ่งควรดูแลสุขภาพมากขึ้นนะ

12. หยุดปิดกั้นจิตใจตัวเองที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ช่วงเวลาที่ผ่านมา คุณอาจจะพลาดอะไรหลายๆไปเพราะการปิดใจตัวเองไว้ เพียงแค่ลองเปิดใจและเรียนรู้ คุณจะพบว่าโลกมันกว้างกว่าที่คุณคิด

13. หยุดการขับรถอย่างไม่ระมัดระวัง อย่างที่บอกไปก่อนนี้แล้วว่า อายุมากขึ้นยิ่งต้องมีความรับผิดชอบมากขึ้น ควรใส่ใจและขับรถอย่างระมัดระวังได้แล้ว เพื่อไม่ให้เกิดอันตรายต่อตัวเองและผู้อื่น ยังไม่สายเกินไปที่จะคิดได้นะคะ

14. หยุดนิสัยติดเกมส์ตลอดเวลา เกมส์เป็นกิจกรรมที่ช่วยฆ่าเวลาและคลายเครียดได้ดีเลยนะ แต่ถ้าเล่นมากไปและเล่นตลอดเวลา มันไม่ใช่เรื่องที่ดีเลยนะคะ ยิ่งอายุ 30 แล้วด้วย

15. หยุดการเพิ่มรอยสักให้ตัวเอง คุณอาจเกิดอาการอายและต้องซ่อนรอยสักของคุณไว้เมื่อคุณต้องทำงานในบริษัทใหญ่ที่เข้มงวด รอยสักที่คุณมีตั้งแต่แรกๆสมัยวัยรุ่นอาจจะไม่เป็นอะไร แต่คุณจะอธิบายยังไงล่ะ ถ้าเจ้านายเจอรอยสักอันใหม่ที่คุณเพิ่งไปทำมา ตอนคุณอายุ 30 นี้

ข้อมูลจากคุณ pankunth88

แจก 19 สูตรยาอายุวัฒนะ แค่ผสม น้ำผึ้ง กินกับสิ่งต่อไปนี้ ช่วยพิชิต 108 โรคได้


แจก 19 สูตรยาอายุวัฒนะ แค่ผสม น้ำผึ้ง กินกับสิ่งต่อไปนี้ ช่วยพิชิต 108 โรคได้

ผลผลิตจากผึ้งที่มีคุณประโยชน์มหาศาล อันเป็นที่รู้กันดีทั่วโลกตั้งแต่สมัยบรรพกาลกระทั่งปัจจุบัน แม้คนที่ไม่รู้ว่าน้ำผึ้งมีประโยชน์มากเพียงใดก็ยังชื่นชอบที่จะรับประทานน้ำผึ้ง

เช่นผู้ที่นอนไม่ค่อยหลับ ผสมน้ำผึ้งกับน้ำอุ่นหรือนมร้อนจะช่วยให้หลับสบาย แต่ถ้าได้ร่วมกับการนั่งสมาธิซัก 5 นาทีก่อนนอนยิ่งทำให้คืนนั้นเป็นคืนที่ได้พักผ่อนเต็มที่ และอีก 19 สูตรยาอายุวัฒนะ ต่อไปนี้เอาไปทำให้ถูกโรคตัวเองนะคะ

1. บำรุงสุขภาพ น้ำผึ้ง 3 ช้อนโต๊ะผสมน้ำอุ่นดื่มทุกวัน

2. อดนอน น้ำผึ้ง 1-2 ช้อนโต๊ะ หรือผสมน้ำผลไม้

3. ยาอายุวัฒนะ น้ำผึ้ง ½ -1 ช้อนโต๊ะ ดื่มทุกวัน เช้า / ก่อนนอน

4. นอนไม่หลับ น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะดื่มเวลาอาหารเย็นหรือก่อนนอน

5 .ไอ หลอดลมอักเสบมีเสมหะ กระเทียม 1-2 กลีบ (ตำให้ละเอียด) น้ำมะนาว ½ เกลือเล็กน้อย พิมเสนหรือการบูร 2-3 เกล็ด น้ำผึ้ง 2 ช้อนโต๊ะ

6. ท้องอืด ท้องเฟ้อ น้ำผึ้ง ½ ช้อนโต๊ะ น้ำขิงเข้มข้น ½ ถ้วย เกลือเล็กน้อยดื่มวันล่ะ 3 เวลาหลังอาหาร

7. ท้องผูก น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะดื่มก่อนนอน

8. เด็กปัสสาวะรดที่นอน น้ำผึ้ง 1 ช้อนชา (ไม่ผสมน้ำ) ดื่มก่อนนอน

9. ท้องเสียรุนแรง น้ำผึ้ง 1-2 ช้อนโต๊ะ เกลือ ½ ช้อนชา ผสมน้ำอุ่น 1 แก้ว

10. เด็กแหวะนม น้ำผึ้ง ½ -1 ช้อนโต๊ะ ผสมนมให้เด็กดื่ม

11. กล้ามเนื้อเป็นตะคริว น้ำผึ้ง 2 ช้อนชา ดื่มทุกมื้ออาหาร

12. ล้างแผลฝีหนอง แผลเรื่อรัง น้ำผึ้ง 1 ส่วน ผสมน้ำ 9 ส่วนชะล้างแผล หัวหอมแดง 2 หัวตำให้ละเอียด+น้ำผึ้งพอกฝี น้ำสุกที่เย็นแล้วล้างให้สะอาด ใช้สำลีหรือผ้าพันแผลชุบน้ำผึ้งปิดบริเวณแผล

13. แผลไฟไหมน้ำร้อนลวก ถูกท่อไอเสีย ใช้ผ้าพันแผลชุบน้ำผึ้งปิดแผล ไว้แล้วเปลี่ยนผ้าพันแผลทุก 12 ชั่วโมง

14. โรคกระเพาะ ดื่มน้ำผึ้ง 2-3 ช้อนโต๊ะขณะปวด และ 3 ช้อนโต๊ะ ก่อนนอน

15. ผู้ป่วยด้วยโรคพิษสุรา(ตับแข็ง/โรค ตับ) น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะผสมน้ำ ½ ถ้วยแก้ว ดื่มวันละ 3 ครั้งเป็น ประจำ คอเหล้าดื่มน้ำผึ้ง 1-2 ช้อนโต๊ะก่อนนอน

16. ผู้ป่วยริดสีดวงทวาร น้ำผึ้งผสมกระเทียมโทน บริโภควันละ 3 ครั้งหลังอาหาร

17. เด็กโตช้า และโลหิตจาง น้ำผึ้งผสมนมดื่มเป็นประจำ

18. เสียน้ำหรือเสียเลือด( 10-20 % ) น้ำ 1 ถ้วยแก้วผสมเกลือ ¼ ช้อนชา น้ำผึ้ง 2 ช้อนโต๊ะ

19. โรคเด็ก (ทางเดินอาหารผิดปกติ) น้ำผึ้ง 1 ช้อนชาต่อน้ำ 1 ถ้วย

แหล่งข้อมูล : http://www.247friend.net/blog/aorair/2013/10/06/entry-2

บอกต่อกันไป เผยสุดยอดเคล็ดลับ ริดสีดวงหายได้ ไม่ต้องผ่าแล้ว


บอกต่อกันไป เผยสุดยอดเคล็ดลับ ริดสีดวงหายได้ ไม่ต้องผ่าแล้ว

เคล็ดลับ ริดสีดวงหายได้ ไม่ต้องผ่าแล้ว หายจริงสวัสดีค่ะ วันนี้อยากจะมาแชร์ประสบการณ์การรักษาริดสีดวงสำหรับตัวดิฉันเองถือว่ารักษาได้เกือบ 100% เลยค่ะ เลยอยากจะมาแชร์ข้อมูล เผื่อใครอยากจะลองเอาไปทำดู ก่อนที่จะตัดสินใจผ่านะคะ

ก่อนอื่น ขออธิบายอาการคร่าวๆ ของดิฉันก่อนนะคะ

1 เป็นริดสีดวงมานานมากแล้วประมาณ 15 ปี เป็นตั้งแต่มัธยมต้นกันเลยย

2 ระยะที่เป็นน่าจะระยะที่ 4 คือไม่สามารถดันกลับเข้าไปได้แล้วค่ะ แล้วช่วงอักเสบคือเลือดไหลเยอะ ร้าวรานมาก เคยเป็นแบบหนักสุดคือมีเลือดซึมออกมา 4 วันค่ะ..เกือบแย่

3 วิธีการที่เคยลอง

3.1 ยาเหน็บ เคยลองเมื่อนานมาแล้ว แต่อ่านข้อมูลแล้วเค้าไม่ให้ใช้ติดต่อกันนานเพราะว่าจะทำให้เนื้อเยื่อรอบทวารหนักบาง เลยเลิกใช้

3.2 ยาฝรั่ง daflon เคยใช้ แต่ราคาแพงกว่ายาสมุนไพร เพชรสังฆาตและให้ผลเหมือนกัน คือ ช่วยบรรเทาอาการ

3.3 ยาหม่องอินทรชิตร์ รุ่นแก้ริดสีดวง ดีค่ะ ช่วยให้รอบทวารชุ่มชื่น แต่ก็แค่บรรเทาอาการ

3.4 และวิธีสุดท้ายค่ะ ที่ได้ผลมากสำหรับดิฉัน คือ หัวไชเท้า + น้ำผึ้ง

ต้องบอกก่อนนะคะว่าดิฉันกำลังจะตัดสินใจผ่าอยู่แล้วเชียววว เตรียมหาโรงพยาบาลแล้วด้วย ดูค่ารักษาแล้วก็แอบตกใจเล็กน้อย เลยลองเสริชดูอีกครั้ง แล้วก็มาเจอวิธีง่ายๆ วิธีนี้ ดูเป็นสูตรโบราณมาก เค้าเขียนไว้ว่า

“ท่านให้เอา หัวผักกาดขาว (หัวไชเท้า) สด ๑-๒ หัว นำมาล้างน้ำให้สะอาด ตัดหัวจุกทิ้งเสีย ตำให้ละเอียด คั้นเอาน้ำ ๑ ช้อนโต๊ะ ผสมกับน้ำผึ้งแท้ ๑ ช้อนโต๊ะ กวนให้เข้ากัน ใช้รับประทาน เวลาก่อนนอน (เวลากลางคืน) ถ้าเริ่มเป็นใหม่ๆ ปรุงยานี้รับประทานเพียง ๓ ครั้งเท่านั้น และดากออกจะหายเป็นปลิดทิ้งทันที ถ้าเป็นมานานแล้ว ให้ปรุงยานี้รับประทาน วันละ ๑ ครั้ง ทุกวันติดต่อกันประมาณ ๑๕ วัน สรรพคุณ : โรคริดสีดวงทวารหนักชนิดเลือดออก และดากออกจะหายขาด ชะงัดนักแล ฯ “

อ่านเสร็จปุ๊บ คิดเลยว่ายังไงก็ต้องลอง เพราะไม่อยากเสียตังค์ผ่า ดิฉันดูจากระยะที่ตัวเองเป็น ก็ให้เวลาตัวเองไว้เลยว่าจะกินเป็นเวลา 2 เดือน เพราะคิดว่า 15 วันอาจจะยังน้อยไป

วิธีทำก็ทำตามที่สูตรบอกเลยนะคะ แต่ดิฉันมีเครื่องแยกกาก ก็ตัดหัวไชเท้าออกมาไม่มากค่ะ ประมาณ 1.5 – 2 นิ้ว คั้นสด แล้วผสมกับน้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ กินก่อนนอน .... จะบอกว่าครั้งแรกที่ดิ่ม เพิ่งจะรู้ว่าหัวไชเท้าสดๆ มันเผ็ด แต่พอกินๆ ไปก็ชินค่ะ พยายามนึกถึงคำที่ว่า หวานเป็นลม ขมเป็นยา เข้าไว้...ดิ่มเสร็จ พยายามอย่าดิ่มน้ำตามนะคะ ถ้าไม่ไหวก็ดิ่ม 1 อึก พอค่ะ แล้วเข้านอนเลยย

ผลที่ได้คือ ดิ่มไปสองวัน อาการเจ็บลดน้อยลงอย่างรู้สึกได้ชัด เลือดไม่ออกตอนเข้าห้องน้ำจริงๆ ด้วย..แบบว่ามีกำลังใจในการดิ่มต่อขึ้นมาทันที

ส่วนตัวแล้วทุกครั้งหลังเข้าห้องน้ำ ดิฉันจะแช่ก้นในน้ำอุ่นนะคะ แล้วลองจับหัวริดซี่ดูค่ะ ค่อยๆ จับ ลองนวดๆ แล้วค่อยๆ ดันดูว่าเค้าจะเข้าไปได้รึป่าวว สำหรับดิฉันสัมผัสได้เลยว่าเค้าเล็กลง ณ ตอนนี้ เค้าเข้าไปแล้วค่ะ เหลืออยู่นิดหน่อย จากผลการทดลองคือ ดิ่มไป 1 เดือนค่ะ ตอนนี้ไม่มีปัญหาอะไรเลยย ก็คิดว่าจะดิ่มไปเรื่อยๆ จนกว่าเค้าจะหายไป..เราก็ต้องให้เวลาเค้านะคะ วิธีธรรมชาติอาจจะให้เวลานานกว่า แต่ไม่เจ็บตัว และราคาถูกแสนถูก สนนราคาค่าหัวไชเท้า กะน้ำผึ้งนี่ยังไม่ถึง 300 บาทเลย...

นอกเหนือจากการรักษานี้ ดิฉันก็พยายามเปลี่ยนนิสัยการกินด้วยนะคะ สำหรับใครที่อยากจะลอง ดังนี้ค่ะ

1 ตื่นเช้ามาดื่นน้ำอุ่น 2 แก้ว เร่งการขับถ่าย

2. กินเมล็ดเจีย (chia seeds) 2 ช้อนโต๊ะ ผสมกับนม ทุกเช้า เมล็ดเจียให้ไฟเบอร์สูงค่ะ ช่วยทำให้มีกากไย ท้องจะได้ไม่ผูก

3. พยายามจิบน้ำตลอดวัน

4 ทานเนื้อสัตว์น้อยลงค่ะ ถ้าทานก็จะทานเนื้อปลาส่วนใหญ่ ไก่บ้าง เพราะเนื้อพวกนี้ย่อยง่ายกว่าเนื้อแดง

ลองดูนะคะ วิธีธรรมชาติ แต่ได้ผลมาก ลองแล้วดีจริงจึงบอกต่อ : )

ข้อมูงจาก เพจนพดล อุ่นตา

หามานาน 3 วิธีรักษาด้วยธรรมชาติ สำหรับอาการข้อเท้าและเท้าบวม อยากหายต้องทำ


หามานาน 3 วิธีรักษาด้วยธรรมชาติ สำหรับอาการข้อเท้าและเท้าบวม อยากหายต้องทำ

ลองใช้วิธีรักษาด้วยธรรมชาติเหล่านี้เพื่อจัดการกับอาการข้อเท้าและเท้าบวมได้ในเวลาไม่นาน อาการบวมคือการสะสมของของเหลวในเนื้อเยื่อของร่างกายเรา การสะสมนี้เกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น ความดันโลหิตสูง การตั้งครรภ์ และพบบ่อยที่สุดคือปัญหาจากไต

อาการบวมน้ำด้วยตัวเองไม่เป็นอันตรายใดๆ แต่มันสร้างความอึดอัดให้กับคุณ หากคุณสังเกตุเห็นเท้าหรือขาบวมขึ้นกว่าส่วนอื่นๆ ของร่างกาย คุณจำเป็นต้องปรึกษาแพทย์เพื่อแก้ปัญหาให้เร็วที่สุดเพราะมันอาจจะเกิดจากการแข็งตัวของเลือดก็เป็นได้

แช่เท้าด้วยใบสะระแหน่

คุณจะต้องเตรียม

ใบสะระแหน่ ½ ถ้วย

น้ำ 4 ถ้วย

ใส่ใบสะระแหน่ลงไปในน้ำและนำไปต้ม ปล่อยทิ้งไว้ประมาณ 10 นาทีและยกออกจากเตา จากนั้นทิ้งไว้ให้เย็นประมาณ 10 นาที เทผสมกับน้ำในถังและแช่เท้าของคุณอีกครึ่งชั่วโมง

แช่เท้าด้วยโทนิค (Tonic Water bath)

อาจฟังดูแปลก แต่น้ำโทนิคสามารถช่วยรักษาอาการข้อเท้าและเท้าบวมได้ นำโทนิคไปผสมในน้ำอุ่นหรือน้ำเย็นก็ได้ จากนั้นแช่เท้าของคุณประมาณครึ่งชั่วโมง ฟองอากาศของโทนิคสามารถช่วยลดการอักเสบได้

แช่เท้าในน้ำเกลือ

เตรียมเกลือแมกนีเซียม ซัลเฟล หนึ่งกำมือเต็มใส่ผสมกับน้ำ จากนั้นแช่เท้าของคุณลงไปในถังน้ำ เกลือแมกนีเซียม ซัลเฟลจะช่วยบรรเทาอาการและคลายกล้ามเนื้อของคุณได้อย่างน่าอัศจรรย์

อ้างอิง : finelivingadvice.com

แปลข้อมูลโดย : www.rak-sukapap.com

เผยความลับจากหนุ่มโรงงานบุหรี่ ใครกำลังติดสูบบุหรี่ ถ้าไม่อยากตายเร็วก็เลิกซะ


เผยความลับจากหนุ่มโรงงานบุหรี่ ใครกำลังติดสูบบุหรี่ ถ้าไม่อยากตายเร็วก็เลิกซะ

น่ากลัวสุดๆ!! หนุ่มโรงงานบุหรี่เผยความลับของการผลิตบุหรี่ที่เจ้าของโรงงานไม่อยากให้คุณรู้.. ถ้าไม่อยากตายเร็วก็เลิกซะ!

มันอันตรายมาก! รีบบอกเพื่อนให้เลิกบุหรี่กันเถอะ นี่คือความลับจากพนักงานโรงงานผลิตบุหรี่แห่งหนึ่ง!

เพื่อนๆทุกคนคงรู้อยู่แล้วว่าการสูบบุหรี่เป็นสิ่งที่ไม่ดี และมีโทษต่อร่างกาย แต่คนส่วนใหญ่รู้แค่เพียงว่าอันตรายในบุหรี่มีแค่สารนิโคตินอย่างเดียว แต่ที่จริงแล้วพิษที่ร้ายแรงมากที่ซ่อนอยู่ในบุหรี่อยู่ที่ "ก้นกรองบุหรี่" นั้นเอง

จากผู้ชายท่านหนึ่งที่อยู่ในวงการการผลิตยาสูบมานานกว่าสิบปี เขาได้เผยความลับเกี่ยวกับอันตรายของบุหรี่ เขาได้กล่าวว่า ถ้าใครไม่อยากเสียชีวิตเร็วก็ให้เลิกซะ!

เขายังกล่าวอีกว่า:พวกคุณรู้กันไหมว่า อุตสาหกรรมผลิตยาสูบบางที่เพื่อที่จะลดต้นทุนการผลิต พวกเขาได้เปลี่ยนวัสดุในการผลิตตัวก้นกรองบุหรี่ แต่ก่อนก้นกรองบุหรี่ทำมาจากเส้นใยไม้เรียกว่า Cellulose Acetate ราคาจะค่อนข้างสูง แต่ไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์ และมีการกรองที่ดีมาก

ในปัจจุบันวัสดุที่ใช้ผลิตก้นกรองบุหรี่คือ Polypropylene(สารที่มีอยู่ในพลาสติก) มันเป็นสารที่ไม่เป็นพิษ แต่หลังจากที่มันผ่านกระบวนการทางเคมี สารตัวนี้มันจะเข้าไปตกค้างในใบยาสูบแล้วพอสูบเข้าไปมันจะเป็นสารที่มีอันตรายมาก

และยังมีสารพิษอีกหลายชนิดที่ผสมอยู่บนตัวบุหรี่ พนักงานฝ่ายผลิตในโรงงานผลิตบุหรี่ต่างก็มีอาการปวดหัว วิงเวียนศีรษะคลื่นไส้อาเจียน แต่โรงงานก็เก็บเรื่องนี้เป็นความลับ เพื่อนๆเห็นแล้วใช่ไหมล่ะคะว่าบุหรี่มันอันตรายจริงๆ ทั้งต่อตัวเองและคนที่คุณรักด้วย

เพื่อตัวของคุณและคนที่คุณรัก เลิกบุหรี่เถอะนะคะ!

ข้อมูลดีๆจาก www.liekr.com/post_137260.html

ปิดทองพระ แต่ละครั้งเคยรู้หรือไม่ ตำแหน่งไหนช่วยส่งผลให้ ร่ำรวย การงานก้าวหน้า


ปิดทองพระ แต่ละครั้งเคยรู้หรือไม่ ตำแหน่งไหนช่วยส่งผลให้ ร่ำรวย การงานก้าวหน้า

เมื่อถึงวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา หรือ วันหยุดยาวที่เหล่าชาวพุทธศาสนิกชน ชาวพุทธอย่างเราๆ คงไม่พลาดที่จะไปเข้าวัดทำบุญ ให้จิตใจเบิกบานมีสุข สงบ นอกจากที่จะไปทำบุญตักบาตรแล้วบางท่านก็นิยมไปทำบุญ ทำทานที่วัด ไหว้พระ ปิดทองซึ่งชาวพุทธมีความเชื่อมาช้านานว่า

การไหว้พระปิดทองนั้นเป็นคติธรรมมุ่งหมายถึงการได้บูรณะต่อองค์พระพุทธปฏิมาเพื่อผลแห่งอานิสงส์ที่มีความเชื่ออีกว่าผู้ที่ได้มีโอกาส ปิดทองพระไม่ว่าจะเกิดภพชาติใดจะมีผิวพรรณผ่องใสงดงาม มีสง่าราศีเราจึงขอนำความรู้ในเรื่องการปิดทองพระในตำแหน่งต่างๆว่าดีอย่างไรบ้าง มาให้ทราบโดยทั่วกัน

ปิดทองบริเวณพระเศียร (ศีรษะ) - มีสติปัญญาแหลมคมมีความจำเป็นเลิศ การเรียนดี ฝ่าฝันอุปสรรคในชีวิตไปได้โดยดี

ปิดทองบริเวณพระพักตร์ (ใบหน้า) -จะทำให้ประสบความสำเร็จในชีวิตก้าวหน้าในเรื่องการงานเจริญรุ่งเรือง

ปิดทองบริเวณพระอุระ (หน้าอก) -ส่งผลให้เกิดสง่าราศี เชื่อว่าจะมีผู้คนชื่นชอบเป็นที่รักใคร่ของผู้คน โดดเด่น ต้องตา ต้องใจ

ปิดทองบริเวณพระอุทร (ท้อง) - จะส่งผลให้ร่ำรวยมีกินมีใช้ พรั่งพร้อมไปด้วยทรัพย์สินเงินทอง อุดมสมบรูณ์ทรัพย์

การปิดทองบริเวณพระนาภี (สะดือ) -มีความเชื่อว่าผู้นั้นจะไม่เจอกับความอดอยากมีเงินมีทองใช้ตลอดชีวิต

ปิดทองบริเวณพระหัตถ์ (มือ) - เป็นการเสริมบารมีจะเป็นที่น่ายกย่อง ผู้คนเคารพยำเกรง

ปิดทองบริเวณพระบาท (เท้า) -ส่งผลให้มีความเป็นอยู่ที่ดี มั่งคั่ง สมบูรณ์ด้วยที่พักอาศัยและยานพาหนะในการเดินทาง

และที่สุดท้าย ปิดทองบริเวณฐานรองพระองค์ -มีความเชื่อกันว่าจะช่วยส่งเสริมเรื่องเกี่ยวกับการมีอาชีพหรือหน้าที่การงานให้มั่นคง

ข้อมูลและภาพจาก sanook

ทำไว้ไม่เสียหาย คาถาเดินทางไกล หลวงปู่ทวด ท่องแล้วแคล้วคลาด เดินทางปลอดภัย


ทำไว้ไม่เสียหาย คาถาเดินทางไกล หลวงปู่ทวด ท่องแล้วแคล้วคลาด เดินทางปลอดภัย

วันนี้เราได้นำคาถาเดินทางไกล ใช้สำหรับขอพรให้เดินทางปลอดภัย โดยภาวนาก่อนออกเดินทางไกลจะช่วยให้ปลอดภัยและสำเร็จในจุดมุ่งหมายปลายทาง ท่านที่ต้องเดินทางไกลขอพรพระให้เดินทางโดยสวัสดิภาพ

ใกล้ช่วงวันหยุดยาวแบบนี้หลายๆท่านคงมีแพลนกลับบ้านไปรดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ หรือพาครอบครัวไปพักผ่อนในวันหยุดยาว

มะติ ยาเต มะเต ยาติ มาเต ถินา นะนา ถิเต มะนา เนสา มะสา เนนา มะสา จะติ มะติ จะสา มะติยาโน มะโนยาติ มะโนติตัง มะตังติโน มะตังปาลัง มะลังปาตัง มะลังจะติ มะติจะลัง

ใช้ภาวนาก่อนออกเดินทางไกลจะช่วยให้ปลอดภัยและสำเร็จในจุดมุ่งหมายปลายทาง

“อิติปิโส ภควา ยาตรายามดี วันนี้ชัยศรี สวัสดีลาโภ นะโมพุทธายะ”

(ท่อง 3 จบ)

แล้วขอพรพระให้เดินทางโดยสวัสดิภาพ

รวม 10 คาถาในการขับขี่รถ เพื่อแคล้วคลาดปลอดภัย

คาถาที่ ๑ คาถาขับรถปลอดภัย

ตั้งนะโม 3 จบก่อนแล้วค่อยสวดคาถา

“เมตตัญ จะ สัพพะโล กัสสะมิง มานะ สัมภาวะเย อัปปะริมานัง”

พึงเจริญเมตตาจิตอันกว้างใหญ่ อันหาขอบเขตมิได้ อันไม่มีเวรไม่มีศัตรูคู่ภัย ไปในสัตว์โลกทั้งสิ้น ทั้งในทิศเบื้องบนในทิศเบื้องต่ำและในทิศขวาง บทคาถาของหลวงพ่อจรัญ

คาถาที่ ๒ คาถาเดินทางไกล

ให้ตั้งสติเป็นสมาธิแล้วสวดก่อนเดินทาง โดยเฉพาะการเดินทางไกลๆ

“มะติ ยาเต มะเต ยาติ มาเต ถินา นะนา ถิเต มะนา เนสา มะสา เนนา มะสา จะติ มะติ จะสา มะติยาใน มะโนยาติ มะโนติตัง มะตังติโน มะตังปาลัง มะลังปาตัง มะลังจะติมะติจะลัง”

คาถาที่ ๓ คาถาเดินทางปลอดภัย ไร้อุปสรรค

“สัตถา เทวะมะนุสสานัง พุทโธ ภะคะวาติ มะ อะ อุ”

คาถาที่ ๔ คาถาเดินทางปลอดภัย มีสติ ไม่หลับใน

“พุทโธ ระเบิดเปิดทาง อะระหัง สุคะโต นะโมพุทธายะ”

คาถาที่ ๕ คาถายามคับขัน

ใช้สวดยามตกอยู่ในสถานการณ์คับขัน อันตราย มีศัตรูหรือผู้ไม่ประสงค์ดีที่มองไม่เห็นคอยจ้องเล่นงานอยู่

“พุทโธเมสะระนัง เลนัง ตาณังชีวิตัง ปะริยันตะ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ นะปิดหู โมปิดตา พุทมิเห็น ธาดลซ่อนไว้ ยะ หายไป”

คาถาที่ ๖ คาถาอัญเชิญพระเครื่อง

ใช้สวดกับพระเครื่องที่นับถือบูชาของคุณก่อนออกจากบ้าน เพื่อความเป็นสิริมงคลและคุ้มครองให้แคล้วคลาดปลอดภัย

“พุทธัง อาราธนานัง รักษา ธัมมัง สังฆัง อาราธนานัง รักษา”

คาถาที่ ๗ คาถาเดินทางแคล้วคลาดปลอดภัย

“อิติปิโส ภะคะวา ยาตรายามดี วันนี้ชัยศรี สวัสดีลาโภ นะโมพุทธายะ อิติปิโส ภะคะวา ยาตรายามดี(วันที่เดินทาง) ชัยศรีสวัสดีลาโภ นะโมพุทธายะ อิติปิโส ภะคะวา ยาตรายามดี พระ(วันที่เดินทาง)

ชัยศรี สวัสดีลาโภ นะโมพุทธายะ ขอให้ข้าพเจ้า(และคณะ)เดินทางโดยปลอดภัย ปราศจากอุบัติเหตูเภทภัยทั้งหลายทั้งปวง ทั้งยานพาหนะ(รถ เรือ เครื่องบิน และอื่นๆ)และตัวข้าพเจ้า (และคณะ) เองด้วยเทอญ”

คาถาที่ ๘ คาถารอดพ้นอันตราย

ใช้สวดเมื่อพบเจอสถานการณ์คับขัน อันตราย ได้แก่ มีคนสะกดรอยตาม ถูกปองร้าย จะทำให้รอดพ้นภัยเหล่านั้นได้ เป็นต้น

“นะรา นะระ หิตังเทวัง นะระเทเรหิปูชิตัง นะรานัง กะมะปังเกหิ นะมามิสุคะตังชินัง”

คาถาที่ ๙ คาถาป้องกันภัยพิบัติ

ใช้สวดก่อนเดินทางหรือทำกิจการใดๆ ที่อาจเกิดอันตรายได้

“ระตะนัตตะ ยังปุเชมิ คุณะวันตา นะราปิจะ เตโสตตะมา นุภาเวนะ ปุญญานิ ปะกะตานิเม”

คาถาที่ ๑๐ คาถาแคล้วคลาด

ให้สวดคาถานี้ 3 จบก่อนเดินทางหรือขับรถ

“ พุทธาอะนุนามะริยาสุขังเขยเย พุทธาอะนินาสุหะลาลิสังเขยเย พุทธาริโยเคมะกุลักขะกัปปะเก วันทามิเตสุระนะรักกะเมสะเม”

ขอขอบคุณ : horoworld เรียบเรียงโดย : Postsod

นี่คือสิ่งที่เราควรรู้ เกี่ยวกับ เสาวรส ถ้าคุณชอบทานอยู่บ่อย ๆ


นี่คือสิ่งที่เราควรรู้ เกี่ยวกับ เสาวรส ถ้าคุณชอบทานอยู่บ่อย ๆ

จริงๆแล้วเสาวรสเป็นแบบนี้

คุณชอบทาน "เสาวรส" มั้ย? ผลไม้ชนิดนี้มีผลต่อร่างกายคุณนะ รีบมาดูเร็ว~

เสาวรสเป็นผลไม้ที่มาจากบราซิล แถมมีกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อร่างกายถึง 17 ชนิดนอกจากนี้ยังอุดมไปด้วยแคลเซียม ฟอสฟอรัส เหล็กและแร่ธาตุอื่น ๆ เสาวรสมีคุณค่าทางโภชนาการสูงมาเลยทีเดียวนะ

1. เสาวรสช่วยอาการเจ็บคอ

เสาวรสสามารถลดอาการไอและเสมหะ ช่วยแก้ปวด ต้านการอักเสบ ขูดเนื้อเสาวรสผสมกับพุทราจีน เพิ่มน้ำต้มอุ่น และใส่น้ำผึ้ง

2. เสาวรสเพิ่มภูมิคุ้มกัน

เสาวรส 100 กรัมมีวิตามินซี = ส้ม 8 ลูก วิตามินอี = แอปเปิ้ล 10 ลูก ขูดเนื้อเสาวรส 3 ช้อน ผสมในน้ำเย็น 200 มล. เพิ่มน้ำผึ้งและมะนาว

3. เสาวรสช่วยลดความดันโลหิต

เสาวรสนอกเหนือไปจากมีวิตามินมากมายแล้ว ยังสามารถลดไขมันในเลือดและความดันโลหิตได้ด้วย

4. เสาวรสทำให้ผู้หญิงสวยขึ้น

ชงน้ำเสาวรสและพุทราจีนดื่ม ทำให้ผู้หญิงมีผิวพรรณที่ดีขึ้น

5. เสาวรสทำให้ช่วยลดการเกิดโรคมะเร็ง

เสาวรสมีประโยชน์หลายอย่าง สามารถใช้ดีท็อกซ์ร่างกาย และล้างสารที่ไม่ดีที่สะสมในร่างกาย

6. เสาวรสช่วยสร่างเมา

เนื้อเสาวรส นม กล้วยปอกเปลือก หลังจากนั้นปั่นเข้าด้วยกัน เป็นเครื่องดื่มน้ำผลไม้ที่สามารถช่วยแก้อาการเมาค้าง

7. เสาวรสทำให้รูปร่างดีขึ้น

ทานเสาวรสสามารถทำให้อิ่ม ลดปริมาณแคลอรี่ ช่วยการดูดซับ และปรับโครงสร้างการย่อยอาหาร ลดไขมันในร่างกาย ทำให้มีรูปร่างที่สวยงาม

8. เสาวรสทำให้หลับได้ดีขึ้น

เสาวรสเป็นยากล่อมประสาทแบบธรรมชาติ มีความผ่อนคลาย สงบ ใช้สามารถช่วยเรื่องการนอนหลับ ช่วยให้นอนหลับลึก ขูดเนื้อเสาวรสผสมกับโยเกิร์ตเสาวรสและเพิ่มน้ำผึ้ง

ข้อมูลจาก http://www.liekr.com/post_138866.html

เรียกสติ! สละเวลาอ่าน 1 นาที หากคุณกำลังคิดจะนอกใจใคร ธรรมมะท่าน ว.วชิรเมธี


เรียกสติ! สละเวลาอ่าน 1 นาที หากคุณกำลังคิดจะนอกใจใคร ธรรมมะท่าน ว.วชิรเมธี

“ใคร ๆ ก็รู้ว่าการละเมิดพฤติกรรมทางเพศ นอกใจสามีหรือภรรยา ด้วยการ มีกิ๊ก มีชู้ เป็นสิ่งไม่ดี แต่กระนั้นคนก็ยังพากันละเมิดและสร้างปัญหากันไม่รู้จบ”

พระมหาวิชรเมธี หรือ ว. วชิรเมเธี ท่านได้กล่าวถึงปัญหามือที่ 3 ในสังคมไทย พร้อมอธิบายสาเหตุที่คนชอบมีกิ๊กมีชู้กันว่าเกิดจากสาเหตุต่อไปนี้

1. ขาดความละอายชั่วกลัวบาป

2. ขาดสติสัมปชัญญะ

3. อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่เอื้ออำนวย

4. ได้รับอิทธิพลตะวันตก ที่มองเห็นว่าการมีเพศสัมพันธ์หรือนอกใจคนรักเป็นสิทธิส่วนบุคคล และเป็นเรื่องธรรมดาที่ใคร ๆ เขาก็ทำกัน

5. พลังทางศีลธรรมในสังคมไทยอ่อนแอ โดยเฉพาะความเชื่อในระบบ ทำดีได้ดี หรือทำชั่วได้ชั่ว หรือกฎแห่งกรรมมีความจืดจางลงไปมาก

ในทัศนะของอาตมาภาพ ปัจจัย 5 ข้อนี้แหละ ที่เป็นเหตุให้การละเมิดจริยธรรมทางเพศมีมากขึ้น และกลายเป็นเรื่องธรรมดาในสังคมไทยไป ลำพังแค่การคิดนอกใจภรรยาถือว่าไม่ผิด แต่ถือว่าไม่ควร ไม่ผิดเพราะยังไม่มีการลงมือ แต่ไม่ควรเพราะการคิดเป็นจุดเริ่มต้นของพฤติกรรม มนุษย์เราทำเพราะว่าเราคิด เราคิดอย่างไรเราก็จะทำอย่างนั้น

นอกใจสามีหรือภรรยา ด้วยการ มีกิ๊ก มีชู้ เป็นสิ่งไม่ดี

ฉะนั้น เมื่อเราเริ่มมีความคิด แนวโน้มที่จะละเมิดมันได้เกิดขึ้นแล้วในใจของเรา ทันทีที่คิด เราต้องรู้เท่าทัน และพาตัวเองออกมาจากสภาพความคิดเช่นนั้นให้ได้ ผู้ที่ละเมิดจริยธรรมทางเพศต่อคู่ครองและคู่รักของตนนั้น จะได้รับผลกรรมดังต่อไปนี้ …

1. ผลทางจิตใจ มีความหวาดระแวงกลัวว่าจะถูกจับได้ ความสุขที่มีแท้ที่จริงแล้วคือความทุกข์ที่รอผลิออกดอกผลต่างหาก ไม่ใช่ความสุขที่แท้จริงแต่อย่างใด

2. ผลต่อบุคลิกภาพ ทำให้สูญเสียความเชื่อมั่นในตัวเอง เพราะรู้อยู่ว่าตัวเองเป็นวัวสันหลังหวะ

3. ผลต่อสถาบันครอบครัว อาจทำให้สถาบันครอบครัวเกิดความร้าวฉาน แตกแยก และหย่าร้างในที่สุด

4. ผลทางสังคม ก่อให้ถูกนินทาว่าร้าย การโพนทะนา เสื่อมเสียชื่อเสียงที่ก่อมาทั้งชีวิต

5. ผลทางหน้าที่การงาน อาจถูกบริษัทเรียกไปว่ากล่าว ตักเตือน หรือแม้กระทั่งไล่ออก

ฝึกเรียกจิตสำนึก “ก่อนคิดนอกใจ”

ผู้ที่อยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ ต่อการหมิ่นเหม่ละเมิดจริยธรรมทางเพศ เพราะว่าเด็กมันยั่ว หรือว่าใจตรงกัน หรือว่าสภาพแวดล้อมเอื้ออำนวยก็ตาม ถ้าคุณกำลังยืนอยู่ในหัวเลี้ยวหัวต่อ เท้าของคุณข้างหนึ่งเหยียบอยู่ในนรก ข้างหนึ่งเหยียบอยู่บนสวรรค์ ขอให้ถามตัวเองดังต่อไปนี้

1. เราพร้อมที่จะยอมรับผลที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นไหม

2. ถามตัวเองว่ามั่นใจไหมว่า สิ่งที่เราจะกระทำนั้นเป็นสิ่งที่ควบคุมได้ทุกขั้นตอน

3. ถามตัวเองว่าคุณพร้อมไหมที่จะรับผลกรรมซึ่งจะตามมาหลังจากนั้น ไม่ว่าจะเป็นปัจจุบัน อนาคตหรือแม้กระทั่งในภพหน้า

4. คุณมั่นใจแล้วหรือว่าคุณสามารถกุมความลับเอาไว้ได้อย่างมิดชิด

5. คุณพร้อมหรือไม่ ถ้าหากลูกเมีย เกิดรู้ขึ้นมาว่าคุณคบคิดทรยศต่อเขา

6. คุณพร้อมที่จะเสื่อมเสียชื่อเสียงและเกียรติคุณที่สั่งสมมาตลอดชีวิตหรือไม่

ถ้าถามตัวเองด้วยประการดังกล่าวแล้ว คุณคิดว่าบริหารเหตุปัจจัยที่จะเกิดได้ทั้งหมด ก็เชิญก้าวล้ำต่อไป แต่ถ้าถามตัวเองว่าแล้วรู้สึกว่าผลที่จะเกิดขึ้นมาแล้วหนักหนาสาหัส ก็รีบถอดถอนตัวเองออกมา แต่คนโดยมากจะถามตัวเองไปได้แค่ 3 ข้อ ก็รีบวางมือ เพราะเขาจะเกิดการไตร่ตรองมองตนอย่างลึกซึ้ง แต่ถ้าถามตัวเองไปจนถึง 6 ข้อ แล้วยังลงมือทำอยู่ แสดงว่าคุณได้สูญเสียสามัญสำนึกไปแล้ว

มนุษย์เรานั้นสูญเสียอะไรก็ไม่ร้ายแรงเท่ากับการสูญเสียสามัญสำนึก คุณสูญเสียเงิน คุณหาใหม่ได้ คุณสูญเสียภรรยา คุณก็หาใหม่ได้ คุณสูญเสียงาน คุณก็สมัครงานใหม่ได้ แต่ถ้าคุณสูญเสียสามัญสำนึก ก็เท่ากับว่าคุณได้สูญเสียความชอบธรรมที่จะเป็นมนุษย์ที่ดีกับเขาไปแล้ว

นอกใจสามีหรือภรรยา ด้วยการ มีกิ๊ก มีชู้ เป็นสิ่งไม่ดี

สาเหตุที่ครอบครัวมีปัญหาแตกแยกหย่าร้างสูง

1. ขาดความซื่อสัตย์ จริงใจต่อกัน ในช่วงแรกรักต่างก็รักและภักดีต่อกัน พอมาเป็นสถาบันครอบครัว ความรักนั้นจืดจางลงไปตามวันเวลา ต่างฝ่ายต่างมีเรื่องซ่อนเร้นระหว่างกัน แทนที่จะรักเดียวใจเดียว ก็เป็นรักคนเดียว แต่ว่ามีคนอื่นสำรองเอาไว้ มนุษย์เรานั้นทันทีที่ไม่ซื่อสัตย์ต่อกันเค้าลางแห่งความหายนะมันก็เริ่มต้นแล้ว

2. ขาดความอดทนที่จะร่วมสุขร่วมทุกข์ด้วยกัน พอแต่งงานอยู่กินด้วยกัน แล้วมีปัญหาชีวิตคู่ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาที่เกิดจากสาเหตุใดก็ตาม อยู่ร่วมกันแล้วมีแต่ความทุกข์ มีแต่ปัญหา มีแต่ความยุ่งเหยิงวุ่นวายใจ ซึ่งในขณะที่ใช้ชีวิตโสดไม่เป็นอย่างนั้นก็เริ่มรับไม่ได้ พอรับไม่ได้ แล้วสั่งสมหมักหมมมากเข้า ก็เกินขีดอดทน สุดท้ายก็เลิกร้างห่างเหินกันไป ต่างคนต่างไปทางใครทางมัน

3. ขาดการเรียนรู้ซึ่งกันและกัน เมื่ออยู่ด้วยกันแล้วพอมีปัญหาแทนที่จะยืดหยุ่น แทนที่จะมีการปรับตัว แทนที่จะมีการให้โอกาส ต่างฝ่ายต่างก็ถือเอาอัตตาหรือตัวตนของตัวเองเป็นใหญ่ ไม่ยอมเรียนรู้ไม่ยอมฟังกัน เมื่อไม่ยอมยืดหยุ่น ต่างคนก็ต้องต่างไป ทางใครทางมันเช่นเดียวกัน

4. ขาดการเข้าใจในการสื่อสารระหว่างกันและกัน เมื่อปัญหา ไม่ยอมเจรจาสันติภาพ ใช้วิธีนิ่ง ใช้วิธีนินทา ใช้วิธีสร้างโลกของตัวเองซ้อนขึ้นมาในโลกของครอบครัว เมื่อไม่สื่อสารกัน ปัญหาก็ยังคงเป็นปัญหา สุดท้ายเมื่อเหตุการณ์รุนแรงถึงที่สุด ก็ต้องเลิกรากันไป หลายคนที่เลิกร้างกันไป ไม่ใช่หมายความว่าไม่รักกัน แต่ขาดการเจรจาหรือขาดการสื่อสารที่ดีระหว่างกัน

คำว่า “พอดี ” คือ ถ้า “พอ” แล้วจะ “ดี”

รู้จัก “พอ” จะมีชีวิตอย่างมีความสุข

ฉะนั้นใครก็ตามอยู่กันเป็นครอบครัว ควรจะนำหลักธรรมดังกล่าวไปลองประยุกต์ใช้ในชีวิตให้มากที่สุด หลักธรรมนี้เปรียบเสมือนน้ำ น้ำนั้นทำทุกอย่างเชื่อมหลอมรวมทุกสิ่งทุกอย่างเข้าด้วยกัน ฉันใด หลักธรรมมะก็เชื่อมคนในครอบครัวให้อยู่ด้วยกันอย่างสนิมสนมกลมเกลียวด้วยกันฉันนั้น

นอกใจสามีหรือภรรยา ด้วยการ มีกิ๊ก มีชู้ เป็นสิ่งไม่ดี

ขอขอบคุณข้อมูลจาก : whatthats.com

วันอาทิตย์ที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2560

มหัศจรรย์ กินมะเขือเปราะทุกวัน ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของมะเร็งได้


มหัศจรรย์ กินมะเขือเปราะทุกวัน ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของมะเร็งได้

ใครไม่ชอบกินมะเขือเปราะ รู้หรือไม่ว่าคุณพลาดสิ่งดีๆที่จะได้รับจากกินมะเขือเปราะเหล่านี้ไปเยอะเลย แต่สำหรับคนที่ชอบทานอยู่แล้ว บอกได้เลยว่าประโยชน์ดีๆทั้งนั้น บางคนอาจไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าการกิน "มะเขือเปราะ" ทุกวัน จะทำให้ร่างกายได้รับประโยชน์มากมาย

ในประเทศอินเดียนั้นใช้เป็นยา เพราะนอกจากมะเขือเปราะจะมีมีประโยชน์และคุณค่าทางสารอาหารแล้ว ยังมีสรรพคุณเป็นยา

แต่มะเขือเปราะเป็นผักชนิดเกือบสุดท้ายที่จะหลายๆคนจะทานได้ โดยเฉพาะเด็กๆ เพราะด้วยรสชาติออกจืดๆ ขื่นๆ กลิ่นหืนนิดๆของมะเขือเปราะ ยิ่งในคนที่ไม่ชอบทานผักอยู่แล้ว ก็ยากที่จะหยิบเข้าปากเลยล่ะ หากใครไม่ชอบทานมะเขือเปราะมะเขือเปราะ หรือยังไม่เคยทานเลย แนะนำให้ลองทานดูนะคะ รสชาติอาจไม่เลวร้ายอย่างที่คิด

โดยอาจเริ่มทานเป็นผักเคียงกับน้ำพริก อาหารอิสานจำพวกลาบ ส้มตำ หรือทำเมนูเด็ด ๆ อย่างผัดเผ็ดต่าง ๆ เมนูแกงป่า แกงเขียวหวาน ก็เป็นวัตถุดิบหนึ่งที่ลงตัว อร่อยเข้ากันมากเลยทีเดียว

คุณค่าทางสารอาหารของมะเขือเปราะ

มะเขือเปราะ 100 กรัม ให้พลังงานประมาณ 39 กิโลแคลอรี่ มี โปรตีน 1.6 กรัม, ไขมัน 0.5 กรัม, แป้ง 7.1 กรัม, แคลเซียม 7 มิลลิกรัม, ฟอสฟอรัส 10 มิลลิกรัม, เหล็ก 0.8 มิลลิกรัม, ไทอะมีน 0.11 มิลลิกรัม, ไนอะซีน 0.6 มิลลิกรัม, ไรโบฟลาวิน 0.06 มิลิกรัม, น้ำ 90.2 กรัม, วิตามินเอ และ วิตามินซี

ประโยชน์ของมะเขือเปราะ

- มีสรรพคุณใช้สำหรับขับพยาธิได้ และช่วยในการย่อยอาหาร

- รักษาโรคเบาหวาน มีผลงานวิจัยจากประเทศอินเดีย พบว่าสารสกัดจากผลมะเขือเปราะสามารถใช้ลดปริมาณน้ำตาลในเลือดของหนูทดลองได้ดีพอ ๆ กับการใช้ยา สารสกัดออกฤทธิ์คล้าย ๆ กับอินซูลิน ช่วยให้การเผาผลาญกลูโคสมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และยังพบว่าไม่มีพิษต่อหนูทดลองนั้นอีกด้วย

- ยับยั้งการเจริญเติบโตของมะเร็ง ผลมะเขือเปราะมีสารไกลโคอัลคาลอยด์มาร์จีน และอัลคาลอยด์โซลาซาดีนซึ่งปราศจากโมเลกุลน้ำตาล ป้องกันเซลล์มะเร็งตับ และเซลล์มะเร็งลำไส้ใหญ่เจริญเติบโต

- มีสรรพคุณในการใช้รักษา อาการไอ โรคหอบหืด หลอดลมอักเสบ และขับลม ทั้งยังมีการสนับสนุนด้วยหลักฐานทางการแพทย์อายุรเวทของอินเดียว่า มะเขือเปราะช่วยรักษาโรคระบบทางเดินหายใจ

- มีฤทธิ์ลดการบีบตัวกล้ามเนื้อเรียบ ต้านมะเร็ง บำรุงหัวใจ และลดความดันเลือด ตามรายงานผลวิจัยนานาชาติระหว่างปี พ.ศ.2510-2538

- สารโซลาโซดีนในมะเขือเปราะ ใช้เป็นสารตั้งต้นในการสังเคราะห์สเตียรอยด์คอร์ติโซนและฮอร์โมนเพศได้

- ตำรับยาพื้นบ้านใช้ผลตากแห้งบดเป็นผงผสมน้ำผึ้งใช้ปรุงยาแก้ไอ

เห็นไหมคะว่ามีแต่สรรพคุณดีๆทั้งนั้นเลย แถมบ้านเรามะเขื่อเปราะยังหาทานได้ง่าย ราคาก็ไม่แพง ฉะนั้นใครที่เคยเขี่ยมะเขือเปราะออกจากจานอาหาร คราวหน้าต้องลองแล้วนะคะ

 ขอบคุณที่มาจาก : www.liekr.com

คนรักสุขภาพห้ามพลาด แจกสูตรน้ำคะน้า บำรุงสายตา ต้านโรคมะเร็งร้าย


คนรักสุขภาพห้ามพลาด แจกสูตรน้ำคะน้า บำรุงสายตา ต้านโรคมะเร็งร้าย

คะน้า เป็นผักที่อุดมไปด้วยวิตามินเอ แคลเซียม ฟอสฟอรัสและวิตามินซีที่เปี่ยมประสิทธิภาพในการบำรุงสายตา ช่วยต้านมะเร็ง บำรุงกระดูก และแก้กระหายน้ำ

สำหรับคนที่ไม่อยากดื่มน้ำคะน้าแยกกากล้วนๆ เรามีสูตรน้ำคะน้าที่ช่วยเพิ่มรสชาติและคุณประโยชน์มาฝากค่ะ

ส่วนผสม

ต้นคะน้าหั่นท่อนเล็ก 1 ถ้วยตวง

น้ำผึ้ง 2 ช้อนโต๊ะ

น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ

เกลือป่น ¼ ช้อนชา

น้ำสะอาด 1 ถ้วยตวง

วิธีทำ

1. ล้างต้นคะน้าให้สะอาด คั้นด้วยเครื่องแยกกากให้ได้แต่น้ำ หากไม่มีเครื่องแยกกากให้ใช้เครื่องปั่น และกรองเอาแต่น้ำ

2. ผสมส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน ดื่มพร้อมน้ำแข็ง

ข้อมูลจาก www.cheewajit.com

นี่คือ 3 วิธีกำจัดเชื้อราในบ้าน ด้วยสูตรทางธรรมชาติ ได้ผลดี ไม่เป็นอันตรายต่อคนในบ้าน


นี่คือ 3 วิธีกำจัดเชื้อราในบ้าน ด้วยสูตรทางธรรมชาติ ได้ผลดี ไม่เป็นอันตรายต่อคนในบ้าน

เชื้อรา มักปรากฏอยู่ในบริเวณบ้านของเรา เชื้อราเหล่านี้จะเกิดขึ้นในที่ร้อนและชื้น อีกทั้งยังก่อให้เกิดการระเคืองต่อดวงตา อาการคัดจมูก และผดผื่นตามผิวหนังได้อีกเช่นกัน

ตอนนี้คุณไม่ต้องกังวลเพราะเรามีทางออกสำหรับจัดการกับปัญหาเหล่านี้ คุณสามารถทำความสะอาดและกำจัดเชื้อราในพื้นที่ตั้งแต่ขนาดเล็กจนไปถึงพื้นที่ขนาดใหญ่ได้ตามที่คุณต้องการ

วิธีการเหล่านี้สามารถช่วยให้คุณกำจัดเชื้อรา

1.น้ำแอปเปิ้ลไซเดอร์

น้ำแอปเปิ้ลไซเดอร์สามารถจัดการกับเชื้อราให้หายไปได้อย่างรวดเร็ว คุณเพียงฉีดสเปรย์ลงไปและขัดบริเวณที่มีเชื้อรา

2.ชาทรีออยล์ผสมน้ำ

นำทรีออยล์ผสมกับน้ำหนึ่งถ้วยและใส่ส่วนผสมลงในขวดสเปรย์สำหรับฉีดพ่น จากนั้นให้ฉีดทิ้งไว้ประมาณ 2-3 ชั่วโมงและขัดถูให้เรียบร้อย หรือคุณอาจจะฉีดทิ้งไว้ก่อนนอนแล้วมาทำความสะอาดในตอนเช้าวิธีนี้จะช่วยกำจัดเชื้อราได้ดียิ่งขึ้น

3.ผสมกับไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์

ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ 1 ช้อนโต๊ะกับน้ำหนึ่งถ้วย จากนั้นนำส่วนผสมมาเช็ดถูและเช็ดตามด้วยเบกกิ้งโซดาเพื่อฆ่าเชื้อราส่วนที่เหลือ

และจบด้วยเบคกิ้งโซดา

ให้คุณนำเบคกิ้งโซดา ½ ช้อนชามาผสมกับน้ำหนึ่งถ้วย จากนั้นให้ฉีดพ่นส่วนผสมลงไปบริเวณนั้นเพื่อทำความสะอาดและล้างออกด้วยน้ำ

อ้างอิง : naturalmedicineteam.com แปลข้อมูลโดย : www.rak-sukapap.com

ใครมีรอยที่ด้านหลังของคุณแบบนี้ มาดูความหมายอันน่าทึ่งของมันกัน


ใครมีรอยที่ด้านหลังของคุณแบบนี้ มาดูความหมายอันน่าทึ่งของมันกัน

สิ่งนี้เรียกว่า หลุมวีนัส วงกลมขนาดเล็กเหล่านี้จะอยู่ด้านล่างของหลังคุณ ในกรณีของผู้ชายที่มีหลุมนี้จะเรียกว่า หลุมอพอลโล

หลุมขนาดเล็กสองหลุมนี้จะเชื่อมต่อกับกระดูกเชิงกราน ซึ่งมันเกิดขึ้นจากความบกพร่องทางพันธุ์กรรมหรือขนาดของเส้นเอ็นที่เหมาะสม เราไม่สามารถกำหนดได้ว่าเราจะมีหลุมเหล่านี้หรือไม่ เพราะมันเกิดจากลักษณะทางพันธุ์กรรม

หลุมเหล่านี้เป็นสัญลักษณ์ของร่างกายที่สมบูรณ์แข็งแรงและการไหลเวียนที่ดี ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญของการบรรลุจุดสุดยอดของความรู้สึกทางเพศ

หลุมวีนัสจะอยู่ในบริเวณกล้ามเนื้อด้านหลังช่วงล่าง หากคุณออกกำลังกายเพื่อกำจัดไขมันส่วนเกินเป็นประจำจะยิ่งมองเห็นหลุมนี้ได้อย่างชัดเจน แต่หลุมนี้มันไม่ได้เกิดขึ้นกับทุกคนต่อให้คุณออกกำลังกายมากแค่ใหนก็เป็นไปไม่ได้ที่หลุมนี้จะปรากฎขึ้นมา

อ้างอิง : thehealthylifestyle365.com แปลข้อมูลโดย : www.rak-sukapap.com

มะเดื่อ ผลไม้มหัศจรรย์ กินช่วยรักษาโรคเบาหวานและแผลในกระเพาะอาหารได้อย่างน่าทึ่ง


มะเดื่อ ผลไม้มหัศจรรย์ กินช่วยรักษาโรคเบาหวานและแผลในกระเพาะอาหารได้อย่างน่าทึ่ง

โรคเบาหวานเป็นหนึ่งในโรคที่น่ากลัวที่สุด มีคนเป็นจำนวนมากที่ได้รับผลกระทบที่น่ากลัวจากโรคนี้ โดยปกติแพทย์จะจ่ายยาเพื่อใช้สำหรับรักษาโรคเพื่อปรับปรุงสุขภาพของเรา และยาที่ใช้สำหรับการรักษาสามารถแก้ปัญหาได้เพียงชั่วคราว

หากคุณหยุดใช้ยาอาการของโรคก็จะกลับมาใหม่ วันนี้เราจึงอยากแนะนำวิธีรักษาโรคเบาหวานด้วยธรรมชาติและนั้นคือการบริโภคมะเดื่อ ผลไม้ชนิดนี้มีแหล่งกำเนิดมาจากเอเชียตะวันตก มันมีคุณสมบัติเป็นยาที่ถูกใช้มาตั้งแต่ก่อนคริสตกาล

ผลไม้ชนิดนี้มีรสชาติอร่อยมากและยังสามารถนำมาใช้รักษาโรคเบาหวานและโรคอื่น ๆ ได้อีกเช่นกัน

ต่อไปนี้คือโรคที่สามารถรักษาได้ด้วยการกินมะเดื่อ

โรคเบาหวาน : ผลมะเดื่อและใบของมันมีอินซูลินธรรมชาติ การบริโภคมะเดื่อสามารถแทนการฉีดอินซูลินเข้าสู่ร่างกายของคุณ

ไตรกลีเซอไรด์ : ใบมะเดื่อช่วยลดระดับไตรกลีเซอไรด์ในร่างกายและยังป้องกันไม่ให้เป็นโรคหลอดเลือดสมองและโรคอ้วน

แผลในกระเพาะอาหาร : คุณสามารถเคี้ยวใบมะเดื่อหรือทำน้ำผลไม้ชนิดนี้สำหรับดื่มและคุณจะพบกับผลลัพธ์ที่น่าอัศจรรย์

การรักษาโรคเบาหวานด้วยมะเดื่อ

ให้นำใบมะเดื่อประมาณ 3 ใบต้มกับน้ำให้เดือดเป็นเวลา 15 นาที จากนั้นกรองเอาน้ำออกมาสำหรับดื่มในทุกเช้า มันจะช่วยแก้ไขปัญหาต่างๆ สำหรับโรคเบาหวานได้เป็นอย่างดีเนื่องจากมีไฟเบอร์อยู่สูงหรือคุณจะทานเนื้อผลไม้แบบสดๆ ก็ได้

อ้างอิง : thehealthylifestyle365.com แปลข้อมูลโดย : www.rak-sukapap.com

มหัศจรรย์มาก งาและน้ำผึ้งรักษาโรคได้มากกว่า 10 ชนิด บอกเลยดีต่อสุขภาพมากๆ


มหัศจรรย์มาก งาและน้ำผึ้งรักษาโรคได้มากกว่า 10 ชนิด บอกเลยดีต่อสุขภาพมากๆ

การรวมกันระหว่างน้ำผึ้งและงาเป็นสิ่งที่ดีสำหรับสุขภาพของเราและหากเราบริโภคส่วนผสมนี้เป็นประจำทุกวันจำทำให้สุขภาพของเราดีขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์

ส่วนผสมนี้มักอยู่ในอาหารเมดิเตอร์เรเนียน

งาอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุ เหล็ก แมกนีเซียม แคลเซียม แมงกานีส ทองแดง และฟอสฟอรัส อีกทั้งยังมีกรดไขมันโอเมก้า 3 และโอเมก้า 6 และมีวิตามิน E, A และวิตามินกลุ่มบี อยู่สูงมากอีกเช่นกัน

ส่วนผสมเหล่านี้อัดแน่นไปด้วยกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อร่างกาย ลองสังเกตว่าอาหารเพื่อสุขภาพมักมีส่วนผสมของงากับน้ำผึ้งเป็นหลัก เนื่องจากส่วนผสมนี้สามารถช่วยรักษาโรคภัยไข้เจ็บได้อย่างมากมายอีกทั้งยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพอย่างมาก

การรวมกันของงาและน้ำผึ้งจะช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ลดความอยากของหวาน ช่วยบรรเทาอาการท้องผูก จัดการปัญหาต่างๆ ในกระเพาะอาหาร และยังเป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับผู้เป็นโรคกระเพาะลำไส้ใหญ่ อีกทั้งยังเสริมสร้างกระดูก ช่วยกระตุ้นสภาวะทางจิต เพิ่มความอดทนทางกายภาพ และทำให้สุขภาพผมและผิวแข็งแรง

บริโภคส่วนผสมนี้ในตอนเช้าเป็นเวลาที่ดีที่สุด

สูตรงาและน้ำผึ้งที่ดีต่อสุขภาพ

สูตรนี้คุณสามารถทำได้อย่างรวดเร็วและง่ายมาก เพียงคุณบดงาหนึ่งช้อนโต๊ะ (หรือจะไม่บดก็ได้แล้วแต่ความชอบของคุณ) และผสมกับน้ำผึ้งหนึ่งช้อนโต๊ะให้เหนียวข้นกำลังดีเท่านี้ก็เรียบร้อย

ส่วนผสนนี้มีคุณค่าทางโภชนาการสูง ให้ปริมาณแคลอรี่ 150 แคลอรี่, ไขมัน 8 กรัม, คาร์โบไฮเดรต 21, ไฟเบอร์ 1 กรัม และโปรตีน 3 กรัม

เวลาที่ดีที่สุดสำหรับการบริโภคส่วนผสมนี้คือช่วงเช้าในขณะท้องว่างเพื่อให้คุณได้รับพลังงานอย่างเพียงพอสำหรับกิจกรรมตลอดวัน

อ้างอิง : healthmaintaining24-7.com แปลข้อมูลโดย : www.rak-sukapap.com

นี่คือสัญญาณเตือนว่าคุณกำลังขาดวิตามินบี 12 หากมีอาการแบบนี้รีบปรึกษาแพทย์ด่วน


นี่คือสัญญาณเตือนว่าคุณกำลังขาดวิตามินบี 12 หากมีอาการแบบนี้รีบปรึกษาแพทย์ด่วน

วิตามินบี 12 เป็นวิตามินที่สำคัญมากสำหรับสุขภาพของเรา มันมีบทบาทสำคัญต่อเซลล์เม็ดเลือดและเส้นประสาทและมันยังเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างโครโมโซมในเซลล์ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม วิตามินชนิดนี้ช่วยป้องกันโรคโลหิตจาง รวมถึงสภาวะความอ่อนแอและความเมื่อยล้าทั้งหมดของร่างกาย

วิตามินบี 12 ทำหน้าที่สำคัญดังต่อไปนี้ :

1.ช่วยป้องกันความเสียหายของเส้นประสาท

เส้นประสาทในร่างกายของเรามีการป้องกันด้วยชั้นหุ้มภายนอกที่เรียกว่า ไมอีลิน (Myelin sheath) เพื่อให้ปลอดภัยจากปัจจัยภายนอกที่สร้างความเสียหาย เช่น สารพิษและอนุมูลอิสระ โดยทำหน้าที่หุ้มเส้นประสาทที่ได้รับความเสียหายหรือแม้กระทั่งเส้นประสาทที่เริ่มตายแล้วโดยการถ่ายโอนสัญญาณไปยังสมองของคุณอย่างถูกต้องเหมาะสม และวิตามินบี 12 จะช่วยเข้าไปเติมเต็มในร่างกายเพื่อป้องกันสภาวะความเจ็บป่วยที่อาจจะตามมาให้กับคุณ

2.ช่วยปกป้องหัวใจ

วิตามินบี 12 เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับหัวใจและระบบไหลเวียนโลหิตของคุณทั้งหมด หนึ่งในหน้าที่ที่สำคัญที่สุดนี้คือการกำจัดโปรตีนที่เป็นอันตรายออกไปจากเลือดที่เรียกว่าโฮโมซีสเตอีน (homocysteine) และหากคุณขาดวิตามินบี 12 โปรตีนนี้จะแล่นผ่านเข้าสู่เลือดของคุณซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายในหลอดเลือดแดงและนำไปสู่การอักเสบรวมถึงโรคหัวใจ

3.เสริมสร้างพลังงาน

ร่างกายของคุณต้องการวิตามินบี 12 เพื่อใช้ในการสร้างพลังงาน เมื่อคุณมีปริมาณของวิตามินชนิดนี้เพียงพอจะทำให้เซลล์ต่างๆ ในร่างกายของคุณอิ่มและทำให้คุณมีสุขภาพดี หากร่างกายของคุณได้รับวิตามินบี 12 ไม่เพียงพอจะทำให้เซลล์ของคุณรู้สึกหิวโหยและจะนำมาซึ่งความอ่อนแอและเหนื่อยล้าตลอดเวลา

4.วิตามินชนิดนี้จำเป็นต่อกระดูกของคุณ

หากคุณเป็นโรคกระดูกพรุนแปลว่าคุณมีระดับโฮโมซีสเตอีนอยู่สูงและมีระดับวิตามินบี 12 อยู่ต่ำ ถ้าคุณมีกระดูกที่เปราะไม่แข็งแรงเนื่องจากความเจ็บป่วยบางอย่างควรได้รับการปรึกษาจากแพทย์ว่าอาการเช่นนี้เป็นไปได้ไหมว่าเกิดจากการขาดวิตามินบี 12

การขาดวิตามินชนิดนี้จะค่อยๆ ปรากฏอาการออกมาอย่างช้าๆ ทำให้หลายคนไม่ทราบว่าตัวเองขาดวิตามินบี 12 และนี่คือสัญญาณเตือนที่เห็นได้ชัดที่สุด:

-รู้สึกมึนงง

-โรคโลหิตจาง

-ลิ้นอักเสบและบวม

-ความเมื่อยล้า

หากคุณสังเกตเห็นอาการเหล่านี้ให้รีบปรึกษาแพทย์และรับการตรวจสอบระดับวิตามินบี 12 ในร่างกายของคุณเพราะมันอาจนำมาซึ่งอันตรายต่อตัวคุณ

แหล่งอาหารที่อัดแน่นไปด้วยวิตามินบี 12

วิตามินชนิดนี้มีมากในเนื้อสัตว์และมีมากในพืชบางชนิด คุณสามารถหาวิตามินบี 12 ได้จากอาหารเหล่านี้ :

-หอยและตับวัว

-ไข่ไก่ เนื้อปลา รวมถึงผลิตภัณฑ์นมต่างๆ

-อาหารที่มียีสต์ ธัญพืช และอาหารเสริม

อย่าปล่อยให้ตัวคุณขาดวิตามินชนิดนี้!

การขาดวิตามินบี 12 สามารถรักษาได้อย่างง่ายดาย หากคุณเจ็บป่วยจากการขาดวิตามินชนิดนี้ คุณสามารถหาอาหารเสริมมาทานหรือฉีดยาเพื่อแก้ปัญหาต่างๆ ได้อย่างง่ายดายและรวดเร็วหรือคุณจะแก้ปัญหาโดยใช้วิธีธรรมชาติในการรับประทานอาหารที่อุดมด้วยวิตามินบี 12 ก็ได้ เพียงคุณขอคำปรึกษากับแพทย์เพื่อหาสูตรอาหารที่ดีที่สุดสำหรับคุณ

อ้างอิง : yourhealthycupoftea.com แปลข้อมูลโดย : www.rak-sukapap.com

หลายคนไม่เคยรู้มาก่อน! น้ำซาวข้าว มีประโยชน์มากมายจริงๆ จนห้ามเททิ้งเด็ดขาด


หลายคนไม่เคยรู้มาก่อน! น้ำซาวข้าว มีประโยชน์มากมายจริงๆ จนห้ามเททิ้งเด็ดขาด

น้ำซาวข้าว มีประโยชน์มาก จนห้ามเททิ้ง!

เชื่อไหมว่า น้ำซาวข้าว หรือ น้ำล้างข้าว ครั้งที่ 2 ก่อนนำไปหุงนี้มีดีอย่างคาดไม่ถึง เพราะอุดมไปด้วยวิตามินบี และแร่ธาตุสูง ทั้งยังมีฤทธิ์เย็น ดื่มแก้ร้อนใน บวม ฟกช้ำ ดับพิษอักเสบได้ดี

แถมเป็นเคล็ดลับบำรุงผมของคนโบราณ เพราะช่วยให้เส้นผมนุ่มลื่น ไม่เป็นรังแค และมีกลิ่นหอม เมื่อนำไปล้างหน้ายังช่วยให้ผิวใสไร้สิว หากนำไปแช่มือก็ทำให้มือนุ่มน่าสัมผัส

นอกจากนี้น้ำซาวข้าวที่เรามองข้ามความสำคัญ ยังใช้เป็นน้ำล้างผักผลไม้ได้อีกด้วย เพียงเลือกใช้ข้าวออร์แกนิก เพื่อให้คุณใช้น้ำซาวข้าวอย่างสบายใจ หมดกังวลเรื่องสารพิษตกค้างที่อาจมีในข้าวนั่นเอง

แหล่งข้อมูล...คุณประโยชน์มากล้น ของน้ำซาวข้าว MAGAZINE :Health&Cuisine มิถุนายน, Issue 161 healthandcuisine.com

แจกบทสวดมนต์ก่อนนอน...สวดให้ได้ทุกวัน แล้วชีวิตจะดีขึ้นจนน่าแปลกใจเลยทีเดียว


แจกบทสวดมนต์ก่อนนอน...สวดให้ได้ทุกวัน แล้วชีวิตจะดีขึ้นจนน่าแปลกใจเลยทีเดียว

การสวดมนต์ก่อนนอน ถือเป็นวิธีที่ดีมากวิธีหนึ่งที่ช่วยให้จิตใจสงบ และนอนหลับสบาย ไม่ฝันร้าย ซึ่งบรรพรุษของเราได้พร่ำสอนลูกหลานมาช้านาน ให้สวดมนต์ทำสมาธิก่อนนอนในทุกๆคืน นอกจากจะได้ประโยชน์ช่วยทำให้จิตใจสงบ แจ่มใส สมองปลอดโปร่ง มีสมาธิและนอนหลับสนิท ไม่ฝันร้ายแล้วยังได้อานิสงส์มากอีกด้วย

นอกจากนี้ยังเชื่อว่าหากเราได้แผ่เมตตาก็จะช่วยส่งผลบุญไปถึงเจ้ากรรมนายเวรด้วยเช่นกัน สำหรับท่านใดที่กำลังมองหาบทสวดมนต์ก่อนนอนอยู่ วันนี้เราได้รวบรวมบทสวดมนต์ก่อนนอนมาฝากกันค่ะ ว่าแล้วก็ไปดูกันเลย

บทสวดมนต์ก่อนนอน

อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ ภะคะวา พุทธัง ภะคะวันตัง อะภิวาเทมิ (กราบ 1 ครั้ง)

สะวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม ธัมมัง นะมัสสามิ (กราบ 1 ครั้ง)

สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ สังฆัง นะมามิ (กราบ 1 ครั้ง)

พุทธะบูชา มะหาเตชะวันโต

ข้าพเจ้าขอบูชาพระพุทธ ขอให้ข้าพเจ้ามีเดชเดชะ
> ธัมมะบูชา มะหาปัญญะวันโต

ข้าพเจ้าขอบูชาพระธรรม ขอให้ข้าพเจ้ามีปัญญาอันยิ่งใหญ่

สังฆะบูชา มะหาโภคะวะโห

ข้าพเจ้าขอบูชาพระสงฆ์ ขอให้ข้าพเจ้าอุดมด้วยอริยสมบัติ

ติโลกะนาถัง ระตะนัตตะยัง อะภิปูชะยามิ

ข้าพเจ้าขอบูชาพระรัตนตรัย ซึ่งเป็นที่พึ่งของโลกทั้งสาม (31 ภพภูมิ)

วันทามิเจติยัง สัพพัง สัพพัฏฐาเน สุปติฏฐิตัง สารีริกธาตุ

ขอบูชากราบไหว้พระสถูปซึ่งประดิษฐานพระบรมสารีริกะธาตุตามที่ต่าง ๆ

มะหาโพธิง ชินะโยจะ พุทธะรูปัง สะกะลังสะทา

ขอบูชากราบไหว้พระพุทธรูปทุกพระองค์และต้นพระศรีมหาโพธิ์ซึ่งสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้

บทสวดมนต์บูชาพระภูมิเจ้าที่

ทิสาทิโส เอหิภูมิโม อมมะภูมิมา อาคัจฉันตุ

ข้าพเจ้าขอสักการบูชาพระภูมิเจ้าที่พระแม่ธรณีและพระแม่คงคา ทุกทิศทุกทางทั่วสากลภพิภพ

บทสวดมนต์ผูกมิตรกับมนุษย์ เทวดา และสัตว์ทั้งปวง

มนุสสานัง สะหะยัง ปิโยเทวา สีหะราชา เอหิจิตตัง ปิยังมะมะ

ขอมนุษย์ทั้งหลายองค์เทพเทวาทั้งหลาย สัตว์ใหญ่น้อยทั้งหลายจงมีจิตที่เป็นมิตรสามัคคีกับข้าพเจ้าด้วยเทอญ

บทสวดมนต์แผ่เมตตาให้สรรพสัตว์ทุกเวลาทุกสถานที่

สัพเพ สัตตา อะเวรา โหนตุ สัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย จงอย่ามีเวรซึ่งกันและกันเลย

สุขี โหนตุ จงเป็นสุข เป็นสุขเถิด

อัพพะยาปัชฌา โหนตุ จงอย่าพยาบาทเบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย

อะนีฆา โหนตุ จงอย่ามีความลำบาก จงอย่ามีความเดือดร้อน จงอย่ามีความทุกข์กายทุกข์ใจเลย

บทสวดมนต์แผ่เมตตาให้ตนเอง

อะหัง สุขิโต โหมิ ขอให้ข้าพเจ้ามีความสุข

อะหัง นิททุกโข โหมิ ขอให้ข้าพเจ้าปราศจากความทุกข์

อะหัง อะเวโร โหมิ ขอให้ข้าพเจ้าปราศจากเวร

อะหัง อัพพะยาปัชโฌ โหมิ ขอให้ข้าพเจ้าปราศจากอุปสรรคอันตรายทั้งปวง

สุขี อัตตานัง ปริหะรามิ ขอให้ข้าพเจ้าจงมีสติสัมปชัญญะอยู่ทุกเมื่อ รักษากาย วาจา ใจ ให้พ้นจากความทุกข์ภัยทั้งปวงเถิด

หลังจากที่คุณสวดมนต์เสร็จเรียบร้อยแล้ว ให้คุณนั่งสมาธีสักครู่หนึ่งก่อนนอน (ประมาณ 5-10นาที) จะดีที่สุด และหากคุณทำให้ติดเป็นนิสัย ชีวิตคุณจะดีขึ้น มีสติ เป็นคนคิดในแง่บวก ไม่ฟุ้งซ่าน นอกจากนี้คุณยังได้รับอานิสงส์ผลบุญของการสวดมนต์ ได้รับคำอวยพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์และเกิดสิริมงคลแก่ตัวเองอีกด้วย

ทั้งนี้ การสวดมนต์ไม่มีถูก ไม่มีผิด ดังนั้นจึงไม่ต้องคำนึงว่า บทสวดมนต์ก่อนนอนที่ถูกต้องจะเป็นอย่างไร ส่วนผู้ที่อยากได้บทสวดมนต์ก่อนนอนสั้น ๆ หรือบทสวดมนต์ก่อนนอนแบบย่อ เนื่องจากมีเวลาจำกัด ก็อาจเลือกสวดเพียงบางบทจากหัวข้อทั้งหมดที่นำเสนอในข้างต้นนี้ได้ทันที

ขอบคุณที่มาจาก : hilight.kapook.com ขอบคุณรูปภาพจาก : ดูดวง - Sanook.com, www.dmc.tv/pages, OKnation,www.thaitechno.net

จากนี้ไปคุณจะกินตะลิงปลิงให้ได้ทุกวัน เพราะมันช่วยป้องกันและรักษาโรคเหล่านี้ได้


จากนี้ไปคุณจะกินตะลิงปลิงให้ได้ทุกวัน เพราะมันช่วยป้องกันและรักษาโรคเหล่านี้ได้

ตะลิงปลิง เป็นผลไม้พื้นเมืองของประเทศฟิลิปปินส์ มันเป็นหนึ่งในผลไม้ที่คุณประโยชน์มากที่สุดในโลก ตะลิงปลิงหรือผลไม้รูปดาวนี้มีรสเปรี้ยวและเป็นแหล่งรวมของวิตามิน C และ B สารต้านอนุมูลอิสระ ฟอสฟอรัส และธาตุเหล็ก แม้ว่าตะลิงปลิงจะไม่ได้เป็นที่นิยมเท่าผลไม้เขตร้อนชนิดอื่น ๆ แต่รู้ไหมว่ามันมีคุณค่าทางโภชนาการสูงที่คุณสมควรกิน!

ประโยชน์ต่อสุขภาพของตะลิงปลิง :

1. รักษาอาการไอ ผสมตะลิงปลิงกับเม็ดยี่หร่าสักสองสามเม็ดและน้ำตาล ต้มทิ้งไว้ประมาณ 2 ชั่วโมง และแบ่งดื่มน้ำเป็นสองข่วงเวลาดื่มครึ่งหนึ่งก่อนอาหารเช้าและอีกครึ่งหนึ่งในช่วงเย็น

2. รักษาโรคเบาหวาน ตะลิงปลิงเหมาะสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน นำเมล็ดข้าวบด 6 เม็ดผสมกับตะลิงปลิงและน้ำหนึ่งแก้วจากนั้นนำไปต้มจนเดือด กินเครื่องดื่มนี้วันละ 2 ครั้ง

3. รักษาสิว ตะลิงปลิงมีสารที่เป็นกรดซึ่งเป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับรักษาสิว เพียงแค่ใช้ตะลิงปลิงบดทาบริเวณที่เป็นสิวทิ้งไว้ประมาณ 5 นาทีแล้วล้างออกด้วยน้ำ

4. รักษาโรครูมาติซึม (rheumatism) ตะลิงปลิงสามารถรักษาอาการนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมาก เนื่องจากผลไม้ชนิดนี้มีสารที่เป็นกรดซึ่งสามารถช่วยรักษาอาการปวดข้อได้เป็นอย่างดี เพียงแค่พอกตะลิงปลิงบดลงในบริเวณที่ได้รับผลกระทบ

5. โรคไขข้ออักเสบ เพื่อบรรเทาอาการปวดไขข้อให้คุณนำใบตะลิงปลิงประมาณหนึ่งกำมือบดรวมกับเมล็ดข้าวพร้อมกับน้ำสักเล็กน้อยและนำไปพอกไว้บริเวณที่เจ็บปวดวันละ 2-3 ครั้งทุกวัน

6. รักษาโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง ให้คุณนำใบตะลิงปลิงหนึ่งกำมือบดรวมกับกระเทียม 10 กลีบ พริกไทย 15 เม็ด และเมล็ดตะลิงปลิงหนึ่งเมล็ด นำส่วนผสมนี้พอกทิ้งไว้บริเวณกล้ามเนื้อที่ได้รับผลกระทบ

7. รักษาอาการปวดฟัน ใช้เพียงตะลิงปลิงบดในบริเวณฟันที่ปวด ตะลิงปลิงช่วยบรรเทาอาการปวดและให้ผลได้ดีกว่ายาแก้ปวดที่มีขายตามร้านขายยา

ข้อมูลจาก http://www.rak-sukapap.com/2017/02/blog-post_48.html

ต้องลองเพาะทำง่ายมากๆ วิธีบอกลานิ่วในไต ด้วยสูตรรักษาโฮมเมดอัศจรรย์นี้


ต้องลองเพาะทำง่ายมากๆ วิธีบอกลานิ่วในไต ด้วยสูตรรักษาโฮมเมดอัศจรรย์นี้

ไตทำหน้าที่กำจัดของเสียที่เป็นพิษและของเหลวส่วนเกินจากร่างกาย บางครั้งการดำเนินชีวิตและปัจจัยสุขภาพส่งผลให้เกิดการก่อตัวของนิ่วในไต ก้อนหินเหล่านี้ควรกำจัดออกโดยเร็วที่สุดเพราะจะทำให้เกิดอาการเจ็บปวดและอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกาย

พวกมันมีลักษณะเหมือนเม็ดหินเล็กๆ ตามชายหาด ซึ่งก้อนหินเหล่านี้ถูกสร้างขึ้นจากเกลือและสารพิษ หากคุณมีอาการปวดอย่างรุนแรงในไตของคุณอาจเกิดจากหินเหล่านี้ ส่วนใหญ่แล้วหินพวกนี้จะผ่านออกมาจากทางเดินปัสสาวะ

แต่บางครั้งแพทย์จะนำมันออกด้วยวิธีอื่นขึ้นอยู่กับขนาดของมัน ในระยะแรกหินเหล่านี้จะมีขนาดเล็กๆ และออกมาทางปัสสาวะของเรา แต่บางครั้งมันสามารถตกค้างอยู่ในไตของเราได้และเมื่อเวลาผ่านไปนานๆ ผลึกขนาดเล็กเหล่านี้จะกลายเป็นนิ่วขนาดใหญ่ในไตของเรา

อ่านวิธีการรักษาโฮมเมดที่ดีที่สุดนี้สำหรับล้างและทำความสะอาดไตของคุณ

สิ่งที่คุณต้องเตรียม

น้ำบริสุทธิ์

พลาสลี่หรือผักชีหนึ่งกำมือ

วิธีทำ

เติมน้ำลงในหม้อ และหั่นผักชีเป็นชิ้นๆ ใส่ลงในน้ำ ยกหม้อตั้งเตาต้มทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที จากนั้นยกออกมาจากความร้อนและปล่อยให้เย็นที่อุณหภูมิห้อง หลังจากนั้นเทส่วนผสมลงในขวดแก้วและเก็บไว้ในตู้เย็น

คุณควรดื่มเครื่องดื่มนี้ทุกวันและคุณจะเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงได้ในเวลาเพียงไม่กี่วัน คุณจะสังเกตเห็นพวกมันออกมาพร้อมปัสสาวะของคุณ นั่นหมายความว่าการทำความสะอาดได้เริ่มขึ้นแล้ว

ชานี้จะช่วยส่งผลลัพธ์อย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังช่วยบรรเทาอาการปวดประจำเดือนและอาการตะคริว ช่วยทำให้สุขภาพดีขึ้นและยังปลอดภัยมากๆ แต่เราไม่แนะนำสำหรับคุณแม่ที่ให้นมบุตร

เพื่อให้การทำงานของไตดีที่สุดคุณควรดื่มน้ำมากๆ และควรดื่มเรื่อยๆ ตลอดทั้งวัน รวมถึงการกินผลไม้ให้มากขึ้นเพื่อช่วยทำความสะอาดไตของคุณ น้ำมันมะกอกช่วยเร่งการกำจัดนิ่วในไตพยายามรวมมันไว้ในมื้ออาหารของคุณด้วยอีกเช่นกัน

ทำตามคำแนะนำเหล่านี้และคุณจะไม่ผิดหวัง

อ้างอิง : naturalmedicineteam.com แปลข้อมูลโดย : www.rak-sukapap.com

มันมหัศจรรย์ นี่คือสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับร่างกายของคุณ เพียงกินกระเจี๊ยบทุกวัน


มันมหัศจรรย์ นี่คือสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับร่างกายของคุณ เพียงกินกระเจี๊ยบทุกวัน

กระเจี๊ยบเขียว หรืออีกชื่อคือ Abelmoschus esculentus หรือ Hibiscus esculentus เป็นผักที่คนทั่วโลกใช้ในการบริโภค ใช่แล้ว…คนทั่วไปนิยมทานมัน ถึงแม้ว่าผิวของมันจะลื่น, ลักษณะคล้ายนิ้วมือผู้หญิง ทำให้มันมีรสชาติฝาดๆ ไม่ค่อยอร่อย

ถ้ามีสิ่งหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับการมีหุ่นดีแล้วละก็ พวกเขาจะเห็นว่ากระเจี๊ยบมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมายเลยทีเดียว กระเจี๊ยบสามารถเอามาทำประโยชน์ได้หลายอย่าง แต่โดยทั่วไปแล้วมักจะเสิร์ฟคู่กับผักอื่นๆ ทานกับข้าวและน้ำซุป บางทีการค้นคว้านี้จะช่วยในการตัดสินใจนำกระเจี๊ยบมาเป็นส่วนหนึ่งในเมนูเป็นอาหารต่อไปในวันข้างหน้า

ไต

จากการศึกษาที่ตีพิมพ์ในวารสารการแพทย์จี๋หลิน ปี2005 คนที่นิยมบริโภคกระเจี๊ยบเขียวแสดงให้เห็นถึงการปรับปรุงโรคไตหรือโรคที่เกี่ยวกับไต การศึกษานี้ได้แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรกรักษาโดยกระเจี๊ยบเขียว และอีกกลุ่มรักษาโดยวิธีการบำบัดทางการแพทย์แบบดั้งเดิมเป็นเวลา 6 เดือน ในตอนท้ายของการศึกษาพบว่า ไม่มีการเปลี่ยนแปลงในกลุ่มที่รักษาด้วยการแพทย์แบบดั้งเดิม แต่กลุ่มที่ใช้กระเจี๊ยบในการรักษากลับพบว่ามีการลดลงของโปรตีนในปัสสาวะและกรดยูริก

ตับ

ในปี 2011 มีการศึกษาที่ตีพิมพ์ในวารสารการแพทย์ซาอุดิ ในหัวข้อความสามารถของกระเจี๊ยบเขียวในการป้องกันโรคไต การเจี๊ยบเขียวถูกพบว่าสามารถป้องกันการต่อต้านปฏิกิริยาทางเคมีที่มีส่วนในการทำลายไตได้ เพราะการทำงานของสารต้านอนุมูลอิสระ

โรคเบาหวาน

ตามการศึกษาที่ตีพิมพ์ในวารสารเภสัชศาสตร์และชีววิทยากล่าวว่า สารที่สกัดจากกระเจี๊ยบสามารถป้องกันร่างกายต่อต้านโรคเบาหวานได้ มีหนูที่เป็นโรคเบาหวานได้รับการรักษาโดยกระเจี๊ยบไป และการวิจัยพบว่าระดับน้ำตาลในเลือดของหนูลดลง และระดับโครงร่างไขมันก็อยู่ในเกณฑ์ปกติ แต่เดิมพบว่าเคยมีการนำมากระเจี๊ยบรักษาโรคเบาหวาน

โรคมะเร็ง

ยังมีอีกหนึ่งการศึกษาที่แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการต่อสู้กับโรคมะเร็งของกระเจี๊ยบ นักวิจัยได้ค้นพบสารเลคติน (โปรตีนชนิดหนึ่งที่ยึดติดกับเยื่อหุ้มเซลล์) ที่เพิ่งค้นพบเมื่อไม่นานในกระเจี๊ยบ Abelmoschus esculentus (AEL) ตามจริงแล้วตัวการที่ทำให้เซลล์ที่อยู่ในมะเร็งเต้านมของมนุษย์ตาย ในหลอดทดลองคิดเป็น 72% แต่อย่างไรก็ตามการทดลองนี้ก็เป็นเพียงการทดลองขั้นต้นเท่านั้น

ความซึมเศร้า

‍กระเจียบมีสารฟีนอล (phenol) สูง และสารฟลาโวนอยด์ (flavonoid) อีกด้วย สิ่งนี้อาจจะเป็นเหตุผลที่ทำให้กระเจี๊ยบช่วยต่อสู้กับภาวะซึมเศร้า นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์การแพทย์มาซานดารันตัดสินใจที่จะทดสอบผลกระทบต่ออารมณ์ ผลการทดสอบแสดงให้เห็นว่าสารสกัดจากเม็ดกระเจี๊ยบมีความสามารถในการยกระดับทางอารมณ์ ในบางครั้งก็ทำหน้าที่เป็นเพียงยาแก้โรคซึมเศร้าทั่วไป

ด้วยประโยชน์ต่อสุขภาพทั้งหมดที่เป็นไปได้นี้ คุณจะต้องบ้าแน่ๆ ที่ไม่ให้โอกาสกระเจี๊ยบเขียว และมันจะต้องดีมากแน่นอนที่จะเลือกกระเจี๊ยบเขียวให้กับคนในครอบครัวของคุณทานให้เร็วที่สุด

ข้อมูลและภาพจาก akerufeed และ liekr

แล้วคุณจะประหลาดใจ หากคุณดื่มน้ำแตงโมทุกวัน ใครอยากล้างพิษในร่างกาย ต้องลอง


แล้วคุณจะประหลาดใจ หากคุณดื่มน้ำแตงโมทุกวัน ใครอยากล้างพิษในร่างกาย ต้องลอง

แตงโมดีสำหรับคุณอย่างไม่น่าเชื่อ หนึ่งในการศึกษาล่าสุดแสดงให้เห็นว่าการบริโภคแตงโมโดยเฉพาะอย่างยิ่งการดื่มน้ำแตงโมสดๆ จะมีประโยชน์ต่อสุขภาพอย่างมีนัยสำคัญ

น้ำแตงโมช่วยเพิ่มกรดอะมิโนชนิดหนึ่งที่เรียกว่า (L-citrulline) แอลซิทรูลีน ซึ่งเป็นกรดอะมิโนชนิดหนึ่ง มีผลไม้ไม่มากที่จะมีกรดอะมิโนชนิดนี้แต่มันกลับมีมากในแตงโม ไม่เพียงแค่นั้นมันยังช่วยทำให้เซลล์ในร่างกายชุ่มชื้นและยังช่วยทำความสะอาดไต ถุงน้ำดี และกระเพาะปัสสาวะ อีกทั้งยังช่วยทำให้ร่างกายสดชื่นกระชุ่มกระชวย!

น้ำผลไม้ชนิดนี้ยังช่วยปกป้องตับของคุณ รวมถึงอวัยวะและเนื้อเยื่อของเราทั้งหมด เพราะมันมีผลเป็นด่างและดีมากสำหรับการล้างพิษในร่างกาย

-มันเต็มไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ

น้ำแตงโมและเนื้อแตงโมเป็นแหล่งรวมที่ดีของวิตามินซีและเบต้าแคโรทีน (ซึ่งจะเปลี่ยนเป็นวิตามินเอ) สารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพเหล่านี้เป็นยาแก้พิษตามธรรมชาติ ที่จะช่วยยับยั่งการเกิดริ้วรอยและโรคที่ก่อให้เกิดอนุมูลอิสระ วิตามินซีและเบต้าแคโรทีนช่วยทำลายโมเลกุลเหล่านี้เพื่อช่วยชะลออายุให้กับเรา วิตามินเหล่านี้ยังช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ โรคหอบหืด โรคไขข้อ แม้กระทั่งโรคมะเร็ง อีกทั้งยังช่วยเพิ่มระบบภูมิคุ้มกันและปรับปรุงสายตาให้ดีขึ้น เพียงแค่คุณดื่มน้ำแตงโม!

คุณรู้ไหมว่าไลโคปีนคืออะไร?

มันเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพมากในการกำจัดอนุมูลอิสระที่ทำให้เกิดการอักเสบ แตงโมอุดมไปด้วยไลโคปีนมีผลป้องกันโรคมะเร็งโดยเฉพาะมะเร็งในลำไส้ใหญ่ กระเพาะอาหาร ตับอ่อน ต่อมลูกหมาก และมะเร็งปอด นอกจากนี้ยังช่วยส่งสัญญาณเตือนภัยล่วงหน้าสำหรับการเกิดโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนัก มันมีระดับที่ต่ำกว่า 35% ของไลโคปีน พูดง่ายๆ คือมันมีสารต้านอนุมูลอิสระและช่วยป้องกันรังสี UV ที่เป็นศัตรูตัวสำคัญของผิวพรรณและยังช่วยปกป้องเซลล์และโครงสร้างอื่น ๆ ในร่างกายจากความเสียหาย แม้กระทั่งการส่งผลร้ายจาก DNA

มันอุดมไปด้วยวิตามิน B6

เพื่อที่จะรักษาความสมดุลของสมองและลดอาการความวิตกกังวลและภาวะซึมเศร้าคุณจะต้องบริโภควิตามินบี 6 เป็นประจำ นอกจากนี้มันยังช่วยควบคุมฮอร์โมนได้เป็นอย่างดีและทำให้ประจำเดือนของผู้หญิงมาเป็นปกติ อีกทั้งยังช่วยดูดซึมแร่ธาตุ วิตามินและสารอาหารอื่นๆ อีกมากมาย เพียงคุณดื่มน้ำแตงโม!

อ้างอิง : naturalmedicineteam.com แปลข้อมูลโดย : www.rak-sukapap.com

ใครเป็นอยู่ลองเลย น้ำแอปเปิ้ลไซเดอร์ช่วยรักษาโรคข้อต่ออักเสบและอาการปวดข้อได้


ใครเป็นอยู่ลองเลย น้ำแอปเปิ้ลไซเดอร์ช่วยรักษาโรคข้อต่ออักเสบและอาการปวดข้อได้

โรคข้ออักเสบสร้างความเจ็บปวดในข้อต่อ แม้ว่าจะมีหลายวิธีที่ช่วยรักษาอาการเหล่านี้แต่อาการปวดก็ยังไม่ดีขึ้น หลายๆ คนใช้ยาและวิธีรักษาที่แตกต่างกันออกไปเพื่อขจัดอาการปวด แต่บางครั้งยาเหล่านั้นไม่สามารถจัดการกับปัญหาเหล่านี้ได้ จึงมีคนหันไปรักษาด้วยธรรมชาติเพื่อแก้ปัญหาให้กับพวกเขา

วิธีนี้มันปลอดภัยมากเพราะเป็นส่วนผสมจากธรรมชาติ 100 % ซึ่งจะไม่ก่อให้เกิดผลข้างเคียงใด ๆ วันนี้เราจะนำเสนอสูตรที่มีประสิทธิภาพมากในการรักษาโรคข้อต่ออักเสบ และส่วนผสมนั้นคือน้ำแอปเปิ้ลไซเดอร์ ซึ่งเป็นที่รู้กันว่ามันสามารถช่วยลดอาการปวดข้อและล้างพิษในร่างกายได้ การบริโภคน้ำแอปเปิ้ลไซเดอร์ ช่วยลดความเสี่ยงจากโรคข้อต่ออักเสบ คุณควรนำไปรวมไว้ในมื้ออาหารประจำวันของคุณ!

วิธีทำ:

เทน้ำเชอร์รี่ประมาณ 8 ออนซ์ ลงในแก้วและเพิ่มน้ำแอปเปิ้ลไซเดอร์ลงไป 1-3 ช้อนโต๊ะ และดื่มเครื่องดื่มนี้ทุกวันก่อนอาหาร

น้ำแอปเปิ้ลไซเดอร์และน้ำมันมะพร้าว

นำน้ำแอปเปิ้ลไซเดอร์ 2 ช้อนโต๊ะผสมกับน้ำมะพร้าว 1 ช้อนโต๊ะ ผสมให้เข้ากันแล้วนำไปนวดเบาๆ บริเวณข้อต่อที่มีอาการเจ็บปวดมันจะช่วยบรรเทาอาการให้ดีขึ้นในระยะเวลาไม่นาน!

ใช้น้ำแอปเปิ้ลไซเดอร์สำหรับอาบน้ำ

การอาบน้ำด้วยวิธีนี้จะช่วยลดความเจ็บปวดบริเวณข้อเท้า เพียงคุณผสมน้ำแอปเปิ้ลไซเดอร์ 6 ถ้วยผสมกับน้ำและแช่เท้าของคุณเพื่อจัดการกับปัญหา หากคุณต้องการใช้วิธีนี้ในการรักษาส่วนอื่นๆ ของร่างกายให้คุณนำผ้าฝ้ายลงไปแช่ในส่วนผสมและนำมาวางทับไว้บริเวณที่เจ็บปวด

อ้างอิง : healthandhealthyliving.com แปลข้อมูลโดย : www.rak-sukapap.com

หลายคนไม่รู้ เมล็ดเจีย ช่วยละลายไขมันสะสมในร่างกายของคุณได้


หลายคนไม่รู้ เมล็ดเจีย ช่วยละลายไขมันสะสมในร่างกายของคุณได้

ปัจจุบันนี้ผู้คนคำนึงถึงเรื่องสุขภาพกันมากขึ้น ทุกคนต่างมองหาสิ่งที่จะช่วยทำให้หน้าท้องของพวกเขาแบนราบ และมีท่อนขาที่แข็งแรง ฯลฯ โชคดีที่ตอนนี้เรามีส่วนผสมจากธรรมชาติที่สามารถช่วยให้พวกเขาบรรลุเป้าหมายตามที่พวกเขาต้องการ อีกทั้งมันยังมีราคาถูกอีกด้วย มันคือเครื่องดื่ม

ธรรมชาติที่มีประสิทธิภาพมากที่ทำจากเมล็ดเจียและน้ำมะนาว เนื่องจากเมล็ดเจีย(Chia) อุดมไปด้วยไฟเบอร์และสารต้านอนุมูลอิสระ ส่วนมะนาวจะช่วยลดไขมันอย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังเป็นสารต้านอนุมูลอิสระและอุดมไปด้วยไฟเบอร์อีกเช่นกัน

วิธีการทำเครื่องดื่มสูตรนี้

ส่วนผสม:

เมล็ดเจีย 1 ช้อนโต๊ะ

น้ำมะนาว 1 ลูก

น้ำบริสุทธิ์ 1 ½ แก้ว

วิธีทำ:

ใส่เมล็ดเจียลงไปแช่ในน้ำเป็นเวลา 1 ชั่วโมง วิธีนี้ช่วยเพิ่มไฟเบอร์จากเมล็ดได้เป็นอย่างดี หลังจาก 1 ชั่วโมงกรองเมล็ดออกจากน้ำและใส่ลงไปในเครื่องปั่นพร้อมกับน้ำมะนาวและน้ำบริสุทธิ์ ปั่นผสมให้เข้ากัน

วิธีใช้:

ดื่มเครื่องดื่มธรรมชาตินี้ในตอนเช้าขณะท้องว่างเป็นเวลา 15 วัน

อ้างอิง : allabouthealthylife.com แปลข้อมูลโดย : www.rak-sukapap.com

ลองดูนะ อย่าปล่อยให้มันลอยนวล สิวเสี้ยนจะค่อยๆหายไปในพริบตา เพียงแค่ใช้สิ่งนี้


ลองดูนะ อย่าปล่อยให้มันลอยนวล สิวเสี้ยนจะค่อยๆหายไปในพริบตา เพียงแค่ใช้สิ่งนี้

ใครที่เบื่อ "สิว" บนใบหน้าอันสวยสดงดงามของคุณ โดยเฉพาะคนที่มีปัญหาหน้ามัน ที่มักจะเจ้าปัญหาสิวเป็นประจำ เเต่ที่ดูว่าจะพบกันบ่อยก็คงจะเป็น "สิวเสี้ยน" เเต่รู้หรือไหม ?! ปัญหาเหล่านี้จะหมดไปอย่างเเน่นอน เพียงเเค่คุณเดินเข้าห้องน้ำ…รับรองได้ว่า ดีงามชัวร์ !

1.ให้คุณเดินเข้าไปห้องน้ำ เเล้วไปหยิบแปรงสีฟันที่ขนนิ่มๆ แต่บอกก่อนะว่า ไม่เอาแปรงสีฟันที่คุณใช้แล้ว ให้ซื้อแปรงใหม่แบบขนนุ่มๆ แล้วบีบยาสีฟันลงบนบริเวณที่สิวเสี้ยนเยอะ อย่างจมูกนี่ล่ะ

2.เสร็จแล้วก็จัดการนำแปรงสีฟัน แปรงช้าๆ เบาๆ วนรอบๆจมูก สักพัก..

3.ทิ้งไว้ 2-3 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำเย็น เพื่อเป็นการปิดรูขุมขน และบำรุงผิวด้วยครีมบำรุงผิวของคุณได้เลย แต่สำหรับสาวๆผิวมัน แนะนำให้ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีน้ำมันในการบำรุงผิวที่เราเพิ่งจะขัดไป

แค่นี้สิวเสี้ยนของคุณก็จะหายไปแล้วว

ข้อมูลจาก thaijobsgov ขอบคุณภาพจาก www.beautyallabout.com

นี่คือ 8 เหตุผลที่คุณควรกินมะเขือยาวให้มากขึ้น แทบไม่น่าเชื่อว่ามันมีประโยชน์ขนาดนี้


นี่คือ 8 เหตุผลที่คุณควรกินมะเขือยาวให้มากขึ้น แทบไม่น่าเชื่อว่ามันมีประโยชน์ขนาดนี้

ทุกคนรู้ว่าการบริโภคผักและผลไม้มีประโยชน์ต่อร่างกายอีกทั้งยังช่วยลดความเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพได้อย่างมากมาย มะเขือยาวเป็นผักที่คนไม่ค่อยนิยมบริโภคกันนัก เนื่องจากมีคุณค่าทางโภชนาการสูงมากดังนั้นจึงดีต่อสุขภาพโดยรวมของเรา

นักโภชนาการหลายคนแนะนำให้ะกินมะเขือยาวเป็นประจำทุกวันเพราะมันอุดมไปด้วยวิตามิน ไฟเบอร์ สารนาซิน และ กรดคลอโรจีนิก (chlorogenic) ที่จะช่วยลดความเสี่ยงของโรคอ้วน โรคเบาหวาน โรคหัวใจ แลโรคที่ร้ายแรงอื่นๆ อีกมากมาย มะเขือยาวยังช่วยเพิ่มพลังงานและเสริมสุขภาพผิวและเส้นผมให้แข็งแรงขึ้นอีกด้วย

นี่คือประโยชน์จากมะเขือยาวที่จะทำให้คุณมีสุขภาพดี:

-การบริโภคมะเขือยาวเป็นประจำจะช่วยป้องกันการอุดตันในเส้นเลือด เนื่องจากมันมีวิตามินเคสูงและยังมีไบโอฟลาโวนอยด์ (bioflavonoid) ที่ช่วยทำให้เส้นเลือดฝอยแข็งแรง

-มะเขือยาวช่วยลดคอเลสเตอรอลที่ไม่ดี คุณควรนำไปนึ่งให้สุกสำหรับรับประทานไม่ควรบริโภคแบบทอด

-มะเขือยาวมีไฟเบอร์สูงจะช่วยปกป้องระบบทางเดินอาหารของคุณ และการบริโภคมะเขือยาวเป็นประจำทุกวันสามารถปกป้องคุณจากโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่

-การบริโภคมะเขือยาวจะช่วยปรับปรุงการไหลเวียนโลหิตและช่วยบำรุงสมอง เนื่องจากมันมีสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายและสารอาหารเหล่านี้มีอยู่ในผิวของมะเขือยาว คุณไม่ควรทิ้งเปลือกของมัน

-มะเขือยาวมีเส้นใยที่ละลายน้ำสูงและมีคาร์โบไฮเดรตต่ำ สามารถนำมาใช้สำหรับการควบคุมอาหารในผู้ป่วยโรคเบาหวาน

-มะเขือยาวเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับใช้ในการควบคุมความดันโลหิตและบรรเทาความเครียดเนื่องจากมันมีสารไบโอฟลาโวนอยด์อยู่สูงมาก

-ผักชนิดนี้อัดแน่นไปด้วยธาตุเหล็ก แคลเซียม และแร่ธาตุต่าง ๆ ซึ่งเป็นสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย

-มะเขือยาวดีมากสำหรับการลดน้ำหนักเนื่องจากมีแคลอรีต่ำ ในมะเขือยาวหนึ่งถ้วยมีแคลรอรี่เพียง 35% และมันยังปราศจากไขมันและมีไฟเบอร์สูงที่จะช่วยให้คุณอิ่มได้ตลอดทั้งวัน

อ้างอิง : yourhealthycupoftea.com แปลข้อมูลโดย : www.rak-sukapap.com

จริงดิ เผยวิธีหยุดผมร่วงพร้อมทำให้เส้นผมกลับมางอกใหม่อย่างแข็งแรงและรวดเร็ว


จริงดิ เผยวิธีหยุดผมร่วงพร้อมทำให้เส้นผมกลับมางอกใหม่อย่างแข็งแรงและรวดเร็ว

ผมร่วงส่งผลกระทบต่อคนเป็นจำนวนมากเมื่อใดก็ตามเมื่อเราเห็นเส้นผมที่ร่วงหล่นลงมาเราจะรู้สึกหวาดกลัวทุกครั้ง และคุณรู้หรือไม่ว่ามีบางสิ่งที่สามารถส่งผลกระทบต่อเส้นผมของเรา มลพิษต่างๆ รวมถึงการย้อมผม การเป่าผมด้วยความร้อน หรือ การยืดผมตรง สิ่งเหล่านี้ล้วนสร้างปัญหาและทำให้เส้นผมหลุดร่วง นอกจากนี้ยังมีความเครียดและการบริโภคอาหารที่ขาดคุณภาพอีกเช่นกัน

ในบทความนี้เราจะนำเสนอสูตรธรรมชาติที่จะช่วยหยุดผมร่วงและเสริมสร้างความแข็งแรงพร้อมการกลับมางอกใหม่ของเส้นผมให้กับคุณ

1.วิธีเสริมสร้างเส้นผมของคุณ

ส่วนผสม:

น้ำมันมะกอก 4 ช้อนโต๊ะ

ผงอบเชย 1 ช้อนโต๊ะ

น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ

เพียงนำน้ำมันมะกอกไปอุ่นให้ร้อนและเพิ่มส่วนผสมอื่น ๆ ลงไปและผสมจนเป็นเนื้อเดียวกัน จากนั้นนำส่วนผสมมานวดให้ทั่วเส้นผมและหนังศีรษะและห่อด้วยผ้าทิ้งไว้ประมาณ 30 นาทีและล้างออก

2: วิธีฟื้นฟูเส้นผม

ส่วนผสม:

น้ำ 4 ถ้วย

ใบฝรั่งหนึ่งกำมือ

นำน้ำไปต้มและใส่ใบฝรั่งตามลงไป เมื่อน้ำเดือดแล้วยกออกมาทิ้งไว้ให้เย็นสักพัก จากนั้นให้คุณนำน้ำพร้อมใบฝรั่งเทรดให้ทั่วเส้นผมและหนังศรีษะของคุณทิ้งไว้ประมาณ 1-2 ชั่วโมงและสระผมตามปกติ

อ้างอิง : yourhealthycupoftea.com แปลข้อมูลโดย : http://www.rak-sukapap.com/

สาวๆแชร์เก็บไว้เลย วิธีทำความสะอาดคราบเลือด (ปจด.) บนฟูก ใน 2 นาที


สาวๆแชร์เก็บไว้เลย วิธีทำความสะอาดคราบเลือด (ปจด.) บนฟูก ใน 2 นาที

วันนี้มีเทคนิคดีๆสำหรับการทำความสะอาดที่นอน ฟูก หรือเบาะ ที่เลอะคราบวันนั้นของเดือน ที่คุณผู้หญิงจะต้องมีกันทุกคน โดยเป็นเทคนิคของคุณ plakadas จากพันทิป จะมีขั้นตอนยังไงบ้างไปชมกันเลยคะ

สวัสดีค่ะ วันนี้เราเอาผ้าปูที่นอนห้องรับแขกไปซัก เพราะจะมีเพื่อนมาค้าง ปรากฎว่าเจอคราบเลือดเป็นวงประมาณฝ่ามือ คล้ำและแห้งมาก (น่าจะนานแล้วหลายเดือนอยู่ค่ะ) ทีนี้เราก็เปิดอากู๋ว่ามีวิธีกำจัดมันอย่างไร ก็กะจะลองวิธีที่ง่ายสุดก่อน (เพราะเราขี้เกียจ) พระเอกของเราคือ "น้ำแข็งก้อน" หยิบจากตู้เย็น เอาไปถูวน ๆ บนคราบเลือด

วนๆไปเรื่อย ๆ พอชุ่มเอาผ้าเช็ด (แต่เราขี้เกียจซักผ้าค่ะ เลยเอาทิชชู่เปียก Baby Wipe) เราถูไปเรื่อย ๆ จางก็เอาทิชชู่เปียกซับ จนน้ำแข็งเหลือเท่านี้ก็สะอาดพอดี

ลองไปทำดูนะคะ วิธีอื่นยังไม่ทันได้ลองเลย ใครมีไอเดียมาเสนอได้นะคะ เผื่อคราวหน้าวิธีนี้ไม่ได้ผล

ขอขอบคุณภาพและข้อมูลจากคุณ plakadas

น่าทึ่ง แค่ทำตามเคล็ดลับที่น่าอัศจรรย์นี้ คุณจะดูอ่อนกว่าวัย จนเพื่อนของคุณจำคุณแทบไม่ได้


น่าทึ่ง แค่ทำตามเคล็ดลับที่น่าอัศจรรย์นี้ คุณจะดูอ่อนกว่าวัย จนเพื่อนของคุณจำคุณแทบไม่ได้

ริ้วรอยบนใบหน้าจะปรากฏขึ้นเมื่ออายุของเราเริ่มมากขึ้น แต่การรักษาด้วยธรรมชาติสามารถช่วยให้คุณต่อสู้กับการเกิดริ้วรอยได้และยังสามารถทำให้คุณดูสวยงามขึ้นอีกด้วย

ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงของน้ำหนัก พันธุ์กรรม และคุณภาพของอาหารมีผลต่อการเสื่อมสภาพของใบหน้าของคุณ แต่คุณสามารถทำให้ใบหน้าของคุณกลับอ่อนเยาว์ลงได้ด้วยการกระชับใบหน้าด้วยท่าบริหารเหล่านี้

การรักษาด้วยวิธีธรรมชาติเพื่อทำให้ผิวสวยหน้าใส

-ไข่ขาวจะช่วยยกและกระชับผิวที่หย่อนคล้อย เพียงนำไข่ขาว 1-2 ฟองมาทาให้ทั่วใบหน้าและลำคอของคุณทิ้งไว้เป็นเวลา 20 นาทีแล้วใช้น้ำเย็นล้างออก ทำ 2 ครั้งต่อสัปดาห์

-มะนาวอัดแน่นไปด้วยวิตามิน C ซึ่งจะช่วยผลิตคอลลาเจนและลดริ้วรอย เพียงแค่ใช้น้ำมะนาวมาทาบนใบหน้าและลำคอของคุณทิ้งไว้ประมาณ 5-10 นาที จากนั้นล้างออกและใช้ครีมบำรุงผิวหน้าและลำคอ ทำ 3 ครั้งต่อวัน

-น้ำผึ้งและอะโวคาโดส่วนผสมเหล่านี้สามารถทำให้ผิวชุ่มชื่นและแข็งแรงและยังป้องกันการเกิดริ้วรอย ก่อนเข้านอนให้คุณใช้อะโวคาโดครึ่งลูกผสมกับน้ำผึ้ง 2 ช้อนโต๊ะ ผสมให้เข้ากันและนำมาพอกให้ทั่วใบหน้าของคุณทิ้งไว้เป็นเวลา 15 นาทีล้างออกด้วยน้ำอุ่น

-ว่านหางจระเข้และโยเกิร์ตเมื่อนำสองส่วนผสมนี้มารวมกันมันจะช่วยแก้ไขปัญหาต่างๆ บนผิวหน้าของคุณ เพียงใช้โยเกิร์ตธรรมชาติ 4 ช้อนโต๊ะผสมกับเจลว่านหางจระเข้ 2 ช้อนโต๊ะทาบนใบหน้าของคุณทิ้งไว้ 20 นาทีเมื่อส่วนผสมเริ่มกระชับให้ล้างออกด้วยน้ำ ทำซ้ำเป็นประจำทุกวัน

อาหารที่คุณกินยังมีผลต่อผิวของคุณ หากคุณต้องการแก้ไขปัญหาต่างๆ บนผิวของคุณคุณควรบริโภคน้ำผลไม้ธรรมชาติที่ทำจากสตรอเบอร์รี่, ส้ม, เกรปฟรุ๊ต และลดการบริโภคขนมอบและขนมหวานต่างๆ

บริโภคสลัดผักและผลไม้ให้มากขึ้นเพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อบนใบหน้าให้แข็งแรงรวมถึงการดื่มน้ำบ่อย ๆ เพื่อกำจัดสารพิษที่สะสมอยู่ในร่างกายของคุณ

อ้างอิง : yourhealthycupoftea.com แปลข้อมูลโดย : http://www.rak-sukapap.com/