วันพุธที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

แจก 4 สูตรน้ำพริกกะปิ บอกเลยว่าอร่อยลืมโลก รับรองเด็ดไม่แพ้ร้านดัง


แจก 4 สูตรน้ำพริกกะปิ บอกเลยว่าอร่อยลืมโลก รับรองเด็ดไม่แพ้ร้านดัง
Advertisements

น้ำพริกกะปิ 4 สูตร การทำให้อร่อยนั้นสิ่งที่ต้องเตรียมก่อนก็คือ กะปิอย่างดี กระเทียมต้องกลีบเล็กๆๆจะได้หอมและพริกขี้หนูสวนรวมทั้งการใช้นำ้ตาลมะพร้าว และมะนาวสดๆ

หากต้องการลูกเล่นเพิ่มเติมกลิ่นได้เช่นการใช้ลูกกระสังข์ไส้ในมาโขลกด้วยกลิ่นของลูกกระสังข์จะช่วยเพิ่มรสชาติที่หอมเย็นและถ้าบางท่านชอบมะม่วงสดโขลกผสมก็จะได้น้ำพริกมะม่วงซึ่งการหาวัตถุดิบเหล่านี้ขึ้นอยู่กับพืชผักในท้องถ่นที่มีอยู่

น้ำพริกกะปิ (สูตร 1)

เครื่องปรุง

กะปิห่อใส่ใบตองเผาไฟพอหอม 300 กรัม

กุ้งแห้งป่น 200 กรัม

กระเทียมสดแกะเปลือก 100 กรัม

พริกขี้หนูสวน 50-70 กรัม

มะเขือเปราะเอาเมล็ดออกซอยเป็นเสี้ยว ๆ 50 กรัม

มะอึกซอยละเอียด 50 กรัม

น้ำมะนาว 6-8 ช้อนโต๊ะ

น้ำปลา 2-4 ช้อนโต๊ะ

น้ำตาลปีบ 3-5 ช้อนโต๊ะ

วิธีปรุง

นำกะปิโขลกกับกระเทียม พริกขี้หนู พอเริ่มละเอียดใส่กุ้งแห้งป่นโขลกต่อให้เข้ากัน ใส่มะเขือเปราะ มะอึก ใช้สากค่อย ๆ โขลกเบา ๆ เคล้าให้เข้ากัน ปรุงรสด้วยน้ำมะนาว น้ำปลา น้ำตาลปีบให้ทั้งสามรสคลอ ๆ กันไป หวานตามหลังนิดหน่อย บางรายใส่ผิวมะนาวซอยละเอียดลงไปก็ได้กลิ่นหอมของผิวมะนาว รสออกขมฝาดนิด ๆ แต่ก็กลมกลืนกับกะปิและรสชาติรวม ๆ ของน้ำพริก บางรายใส่มะม่วงสับ มะขามอ่อนแล้วแต่ฤดูกาล โดยเฉพาะฤดูมะนาวแพง แต่เป็นช่วงที่มะม่วงออกสู่ตลาดจึงใช้ความเปรี้ยวของมะม่วงแทนได้ โดยซอยสับแบบมะละกอส้มตำ หากให้มีกลิ่นหอมใส่แมงดาลงไปก็ดี

น้ำพริกกะปิรับประทานกับปลาทูนึ่งทอด ปลาทอดอื่น ๆ ทั้งปลาทะเล ปลาน้ำจืด แนมด้วยผักสด ผักทอด ผักทอดชุบไข่ ผักต้ม น้ำพริกกะปิ หากใครทำอร่อยจริงๆ ขายได้แน่นอน เพราะวิถีชีวิตไทยกับน้ำพริกกะปิขาดกันไม่ได้ น้ำพริกพื้นบ้านที่นิยมรับประทานมากที่สุด คนไทยทุกคนรู้จักมีการประยุกต์ เพื่อความเหมาะสมตามแต่วัตถุดิบที่มีในครัว ไม่ถือเป็นกฏตายตัว เช่น บางรายใส่มะอึก มะเขือเปราะซอยหรือมะเขือพวงบุบพอกแตกช้ำ ๆ ผิวมะนาวซอยละเอียดซึ่งแต่ละอย่างที่ใส่ไปให้รสชาติใกล้เคียงกัน

แหล่งที่มา : แม่บ้าน น้ำพริก โดย ทวีศักดิ์ เกษปทุม. นิตยสารแม่บ้าน

น้ำพริกกะปิ (สูตร 2)

เครื่องปรุง

กะปิเผาไฟพอหอม 2 ช้อนโต๊ะ

กระเทียมปอกเปลือกแล้วซอยหยาบ ๆ 1 ช้อนโต๊ะ

กุ้งแห้งป่น 1 ช้อนโต๊ะ

พริกขี้หนูเด็ดก้าน 1 ช้อนชา

มะอึกสุกหั่นฝอย 1 ช้อนโต๊ะ

ลูกกระสังข์ใส้ใน ซอย (ไม่ใส่ก็ได้) 1 ช้อนโต๊ะ

น้ำมะนาว 3 ช้อนโต๊ะ

น้ำปลา 3 ช้อนโต๊ะ

น้ำตาลปีบ 2-3 ช้อนโต๊ะ

มะเขือพวงหรือมะเขือเปราะซอย 1 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ

1. โขลกกะปิกับกระเทียมให้ละเอียด ใส่กุ้งแห้งโขลกรวมกัน ใส่พริกขี้หนู มะอึก ระกำ มะเขือพวง ปรุงรสด้วยน้ำตาล น้ำปลาและน้ำมะนาว ชิมรสตามต้องการ

2. รับประทานกับผักต้มราดกะทิ เช่น ถั่วพู ถั่วฝักยาว หน่อไม้ ตำลึง ผักกระเฉด ฯลฯ หรือผักสดต่าง ๆ เช่น แตงกวา มะเขือสด ผักบุ้ง กระถินหรือผักชุบไข่ทอด เช่น ชะอม มะเขือยาว

3. จัดแนมกับน้ำพริกคือ ปลาทูทอด ปลาช่อนทอด ปลาดุกย่าง

หมายเหตุ

ใช้มะม่วงดิบซอยแทนมะนาวหรือมะดันซอย หรือมะขามอ่อน ตามแต่ฤดูกาล

น้ำพริกกะปิกุ้งนา

เครื่องปรุง

พริกขี้หนูแห้ง 200 กรัม

หอมแดง 300 กรัม

กระเทียม 150 กรัม

กะปิใส่ใบตองเผาพอหอม 5 ช้อนโต๊ะ

มะขามเปียก 300 กรัม

น้ำตาลปี๊บ 100 กรัม

เกลือ 1-2 ช้อนโต๊ะ

กุ้งนาต้มสุก 300 กรัม

น้ำมันพืช 4 ช้อนโต๊ะ

วิธีปรุง

– นำพริกขี้หนู หอมแดง กระเทียมแกะเปลือก ล้างแล้วนำไปคั่วน้ำมันพอเริ่มสุก นำขึ้นพักไว้ และนำมะขามมาละลายน้ำ

– นำกุ้งนาที่ต้มแล้ว ค่อย ๆ โขลกละเอียด

– นำพริกขี้หนูแห้ง หอมแดง กระเทียม กะปิ โขลกด้วยกันจนละเอียด แล้วนำไปผัดน้ำมันจนหอม จึงใส่กุ้งนาที่โขลกไว้เข้าด้วยกัน ผัดต่อไปจนได้ที่ สังเกตดูจะเป็นเนื้อเดียวกับน้ำพริก จากนั้นปรุงรสด้วยน้ำมะขาม น้ำตาลปี๊บ เกลือตามใจชอบ จะได้น้ำพริกกุ้งนา สามารถเก็บไว้ได้นานในตู้เย็น รับประทานกับผักสดเช่น แตงกวา มะเขือเปราะ ถั่วพู กะหล่ำปลี ถั่วฝักยาว และถ้าจะรับประทานกับผักต้มก็ได้

เป็นน้ำพริกกะปิทั่วไปแต่ใส่กุ้งนาก็คือกุ้งฝอย มีตามหนองน้ำใหญ่ ๆ กลางทุ่งท้องนา โดยจะอยู่ชาย ๆ ตลิ่งนำมาโขลกแล้วเข้ากับเครื่องน้ำพริก ให้รสชาติที่กลมกลืนเข้มข้นมากกว่าน้ำพริกกะปิธรรมดา

แหล่งที่มา : แม่บ้าน น้ำพริก โดย ทวีศักดิ์ เกษปทุม. นิตยสารแม่บ้าน

น้ำพริกกะปิดี

เครื่องปรุง

กะปิดี (ห่อใบตองเผา) 1 ช้อนโต๊ะ

กระเทียม 1 หัว

พริกขี้หนูสวน 10 เม็ด

น้ำมะนาว 1 ผล

น้ำปลาด 1 ช้อนชา

น้ำตาลปี๊บ 2 ช้อนชา

มะเขือพวง 10 เม็ด

มะอึกขูดขน (หั่นละเอียด) 1 ลูก

วิธีปรุง

นำกะปิ กระเทียม พริกขี้หนูใส่ครก โขลกแตกไม่ต้องละเอียดนักก็ได้ ใส่มะอึก มะเขือพวงตามลงไป โขลกพอบุบให้แตกเล็กน้อย เสร็จตักใส่ถ้วยปรุงรสด้วยน้ำปลาดี น้ำมะนาว น้ำตาลปี๊บ ชิมรสตามต้องการ รับประทานกับผักสดหรือข้าวสวยร้อน ๆ แถมปลาทูทอดตัวสวย ๆ สักตัวก็เข้ากันดีทีเดียว

ขอบคุณข้อมูลจาก banraithaifood
Advertisements

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น