วันพฤหัสบดีที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2560

มากประโยชน์..ต้นตีนเป็ด สรรพคุณทางยาที่มาพร้อมกับกลิ่นไม่ธรรมดา


มากประโยชน์..ต้นตีนเป็ด สรรพคุณทางยาที่มาพร้อมกับกลิ่นไม่ธรรมดา

เมื่อไม่นานมานี้เราอาจจะเคยได้ทราบถึงอันตรายของผลตีนเป็ด ทั้งที่ต้นตีนเป็ดเป็นต้นไม้พื้นบ้านดั้งเดิมที่มีชื่ออันเป็นมงคลว่า “สัตบรรณ” หรือที่มักจะเรียกกันว่า “พญาสัตบรรณ” และนำมาใช้ประโยชน์ตั้งแต่สมัยโบราณ ซึ่งมีสรรพคุณทางยาตามตำรับไทยดังต่อไปนี้

1 ใบตีนเป็ด นำมาต้มกับน้ำแล้วดื่มบ่อยๆ จะช่วยลดไข้ แก้ตัวร้อน แก้ไข้หวัด บรรเทาอาการโรคลักปิดลักเปิดหรือเลือดออกตามไรฟัน และโรคระบบทางเดินหายใจเรื้อรัง หากนำใบตีนเป็ดมาตำให้ละเอียดแล้วพอกผิวหนัง จะช่วยดับพิษได้

2 ดอกตีนเป็ด นำมาต้มกับน้ำแล้วดื่ม สามารถช่วยแก้เลือดพิการและบรรเทาอาการเป็นไข้ตัวร้อน

3 เปลือกตีนเป็ด นำมาต้มกับน้ำแล้วอาบจะช่วยรักษาแผลติดเชื้อ แผลเป็นหนอง โรคเชื้อราบนผิวหนัง และบรรเทาอาการน้ำเหลืองเสีย ถ้าต้มกับน้ำดื่มจะเป็นยาขมที่มากไปด้วยสรรพคุณอย่างมากมาย ช่วยแก้ไข้หวัด หลอดลมอักเสบ แก้ไข้ดีพิการ แก้บิด ขับพยาธิไส้เดือน ช่วยสมานลำไส้ และทำให้เจริญอาหาร

4 กระพี้ต้นตีนเป็ด เมื่อนำกระพี้มาต้มกับน้ำแล้วดื่ม จะช่วยขับลมที่อัดอั้นภายในท้อง แก้อาการท้องอืดท้องเฟ้อ ช่วยขับเลือด

5 ยางตีนเป็ด หากเรานำยางต้นตีนเป็ดไปผสมกับน้ำมันสมุนไพร สามารถนำมาใช้นวดแก้ปวดหูหรือบำรุงร่างกาย ส่วนยางต้นตีนเป็ดสดๆ นำมาใส่แผลที่เป็นตุ่มหนอง จะช่วยให้แผลนั้นหายเร็วขึ้น หรือใช้อุดฟันและหยอดล้างหูก็ได้เช่นกัน

6 รากตีนเป็ด นำมาต้มกับน้ำแล้วดื่ม จะช่วยขับลมในลำไส้ แก้ไข้ และบรรเทาอาการน้ำดีผิดปกติได้

สำหรับผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้ควรจะอยู่ห่างไกลจากต้นตีนเป็ด เนื่องจากละอองเกสรของต้นตีนเป็ดมีขนาดเล็กมากและกลิ่นเหม็น อาจจะทำให้อาการภูมิแพ้กำเริบได้ แต่ถ้าพูดถึงสรรพคุณของต้นตีนเป็ด ก็น่าจะช่วยให้ลืมถึงกลิ่นเหม็นๆ จากดอกตีนเป็ดไปได้เลยค่ะ

เรียบเรียงโดย : แชร์กันไป

ผักชี สมุนไพรก้นครัวพร้อมสรรพคุณทางยา ใช้ได้แทบทุกส่วน


ผักชี สมุนไพรก้นครัวพร้อมสรรพคุณทางยา ใช้ได้แทบทุกส่วน

สำหรับแม่บ้านที่ชื่นชอบการทำอาหาร ย่อมจะรู้จักกับประโยชน์ของผักชีว่า สามารถช่วยเพิ่มกลิ่นหอมและรสชาติอร่อยให้กับอาหารมื้อนั้นได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ต้นผักชียังเป็นสมุนไพรที่มีสรรพคุณทางยาตามหลักภูมิปัญญาพื้นบ้านอีกด้วย ซึ่งสามารถใช้ได้แทบทุกส่วนกันเลยทีเดียว

1 ต้นผักชีสด มีรสเผ็ดร้อน ช่วยขับเหงื่อ ขับลม ทำให้เจริญอาหาร ช่วยละลายเสมหะ ขับผื่นหัดให้ออกเร็วยิ่งขึ้น และช่วยรักษาโรคริดสีดวงทวาร

2 ใบผักชี ช่วยแก้ไอ บรรเทาอาการกระหายน้ำ รักษาโรคหวัด แก้อาการวิงเวียนศีรษะ คลื่นไส้ บำรุงธาตุในร่างกาย ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดให้เป็นปกติ และรักษาอาการอาหารเป็นพิษ

3 รากผักชี หนึ่งในสามเกลอที่พ่อครัวแม่ครัวรู้จักกันเป็นอย่างดี เนื่องจากช่วยเพิ่มรสอร่อยให้กับอาหารจานนั้น และยังสามารถใช้เป็นน้ำกระสายยา ซึ่งมีสรรพคุณช่วยขับพิษไข้หัว อีสุกอีใส ไข้อีดำอีแดง และรักษาโรคหิด

4 เมล็ดผักชี ช่วยบรรเทาอาการปวดฟันและรักษาแผลในปาก

5 ผลผักชี แก้โรคบิดและอาการถ่ายเป็นเลือดหรือถ่ายเป็นมูก แก้โรคริดสีดวง และบรรเทาอาการท้องอืดท้องเฟ้อ

การนำผักชีมาใช้เป็นยานั้น ให้ใช้ต้นผักชีสดปริมาณ 60 – 150 กรัม หรือต้นผักชีแห้งปริมาณ 10 – 15 กรัม มาต้มเอาน้ำดื่ม หรือคั้นเอาแต่น้ำก็สามารถใช้ได้เช่นกัน สำหรับโรคผิวหนังให้ใช้ผักชีต้มมาตำให้ละเอียดแล้วพอกผิวหนังบริเวณที่เป็นโรคให้ทั่ว หากมีอาการปวดฟันหรือต้องการรักษาแผลในปาก ให้นำเมล็ดผักชีมาต้มน้ำแล้วใช้บ้วนปากบ่อยๆ

การรับประทานผักชีมีข้อควรระวัง กล่าวคือ เนื่องจากผักชีมีกลิ่นฉุน ซึ่งการรับประทานผักชีมากๆ อาจจะทำให้มีกลิ่นตัวแรงขึ้น รวมถึงผักชีมีฤทธิ์ร้อน สามารถทำให้เกิดอาการตาลายได้ง่าย รวมถึงผู้ที่มีอาการแพ้ผักชีจะทำให้เป็นผื่นแพ้และผิวไวต่อแสงแดด เสี่ยงต่อโรคมะเร็งผิวหนังได้

เรียบเรียงโดย : แชร์กันไป

เฉาก๊วย สมุนไพรดับกระหายร้อนและควบคุมน้ำหนัก


เฉาก๊วย สมุนไพรดับกระหายร้อนและควบคุมน้ำหนัก

เมื่อเอ่ยถึงขนมอย่าง “เฉาก๊วย” มักจะนึกถึงวุ้นหรือเยลลี่สีดำๆ ที่มีรสหวานเย็นชื่นใจ ซึ่งคำว่าเฉาก๊วยนั้นในทางภาษาจีนแปลว่า “หญ้าเทวดา” ส่วนใหญ่ผู้คนจะรับประทานกับน้ำตาลทรายแดงหรือน้ำเชื่อมและน้ำแข็งบด นอกจากนี้ยังนิยมรับประทานกับนมสดจืดอีกด้วย โดยต้นเฉาก๊วยยังมีสรรพคุณทางยาหลายประการดังนี้

1 ดับพิษร้อนในร่างกาย ช่วยแก้ร้อนใน ดับความกระหายน้ำได้เป็นอย่างดี บรรเทาอาการคลื่นไส้และเบื่ออาหาร

2 ลดไข้ เฉาก๊วยมีฤทธิ์เย็น สามารถช่วยลดไข้ได้ทั้งไข้หวัดธรรมดาและหวัดแดด บรรเทาอาการตัวร้อนและโรคหวัด ขับเสมหะ

3 ลดอักเสบ ช่วยบรรเทาอาการกล้ามเนื้ออักเสบ ลดอาการไขข้ออักเสบ และลดอาการตับอักเสบ

4 ลดระดับน้ำตาลในเลือด เหมาะสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวานอย่างยิ่ง แต่ไม่ควรรับประทานควบคู่กับน้ำตาลหรือน้ำเชื่อมมากเกินไป

5 ลดความดันโลหิต เพียงแค่นำเฉาก๊วยตากแห้งมาต้มน้ำแล้วดื่มเป็นน้ำสมุนไพรประจำจะช่วยลดอาการความดันโลหิตสูงได้ วิธีทำเฉาก๊วย

เริ่มต้นจากการล้างต้นเฉาก๊วยตากแห้งให้สะอาด แล้วนำไปต้มกับน้ำสะอาดในอัตราส่วน 1 : 25 เคี่ยวไปเรื่อยๆ นาน 3 – 5 ชั่วโมง จนมีลักษณะสีดำใสและเป็นเมือกข้น จากนั้นคั้นน้ำออกจากต้นเฉาก๊วยแล้วกรองน้ำต้มเฉาก๊วยกับผ้าขาวบางประมาณ 1 – 2 รอบ ใส่แป้งมันสำปะหลังหรือแป้งท้าวยายม่อมลงไปผสม คนให้แป้งละลายจนหมด จึงค่อยเทใส่พิมพ์แล้วตั้งทิ้งไว้ให้เย็นจนแข็งตัว

หากต้องการทำเป็นน้ำเฉาก๊วยแช่เย็นๆ ไว้ดื่มให้ชื่นใจ ให้ใส่น้ำสะอาดขณะที่ต้มให้มากกว่าเดิมประมาณ 1 – 2 เท่า ไม่ต้องใส่แป้ง กรองแยกกากแล้วใส่น้ำตาลทราย ชิมรสให้ได้ตามชอบ

จริงๆ แล้วเฉาก๊วยเหมาะสำหรับสาวๆ ที่ต้องการควบคุมน้ำหนักอย่างยิ่งเลยค่ะ เนื่องจากช่วยให้อิ่มท้องได้นาน เพียงแต่ต้องจำกัดปริมาณน้ำตาลหรือน้ำเชื่อมที่ใส่ลงไปเท่านั้นเองค่ะ

เรียบเรียงโดย : แชร์กันไป

อาจชื่อแปลก..แต่ “เถาวัลย์เปรียง” คือสุดยอดสมุนไพรแก้ปวดกล้ามเนื้อ


อาจชื่อแปลก..แต่ “เถาวัลย์เปรียง” คือสุดยอดสมุนไพรแก้ปวดกล้ามเนื้อ

“ถึงเถาวัลย์พันเกี่ยวที่เลี้ยวลด ก็ไม่คดเหมือนหนึ่งในน้ำใจคน” สุภาษิตนี้อาจจะเป็นคำสอนใจของใครหลายคน แต่สำหรับพืชสมุนไพรที่มีชื่อว่า “เถาวัลย์เปรียง” กลับเป็นที่ยอมรับของการแพทย์แผนไทยหรือแพทย์พื้นบ้าน เกี่ยวกับสรรพคุณในการแก้ปวดได้อย่างยอดเยี่ยม

1 แก้ปวดเมื่อยคลายกล้ามเนื้อ มีการวิจัยเกี่ยวกับสารสกัดของเถาวัลย์เปรียงในการรักษาผู้ป่วยที่มีอาการปวดหลังส่วนล่าง โดยรับประทานสารสกัดจากเถาวัลย์เปรียงเป็นประจำ ทำให้มีอาการปวดหลังลดลงอย่างเห็นได้ชัด และไม่แตกต่างกับการได้รับยาแก้ปวดจากแพทย์แผนปัจจุบัน

2 กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย เถาวัลย์เปรียงเป็นส่วนหนึ่งของสมุนไพรที่นำมาปรุงเป็นยาอายุวัฒนะ ซึ่งไม่ก่อให้เกิดผลข้างเคียงใดๆ ต่อร่างกาย แต่ช่วยเสริมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายอย่างได้ผล

3 แก้โรคข้อเข่าเสื่อม มีผลการวิจัยเกี่ยวกับผู้ป่วยโรคข้อเข่าเสื่อมในไทยแล้วพบว่า เมื่อผู้ป่วยได้รับสารสกัดจากเถาวัลย์เปรียงวันละ 400 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้ง เป็นเวลา 4 สัปดาห์ สามารถช่วยแก้ปัญหาโรคข้อเข่าเสื่อมได้ดีไม่แตกต่างจากการได้รับยานาโปรเซน ขนาด 250 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้ง ในเวลาที่เท่ากัน

4 ขับโลหิตเสียและคุณแม่หลังคลอด มีสรรพคุณเหมาะกับคุณแม่หลังคลอดอย่างยิ่ง เมื่อนำเถาวัลย์เปรียงสดมาทุบให้ยุ่ย จากนั้นวางทาบบนหน้าท้องแล้วใช้หม้อเกลือร้อนๆ มานาบบนเถาวัลย์เปรียง จะช่วยให้มดลูกเข้าอู่เร็วขึ้น หรือถ้านำเถาวัลย์เปรียงทั้งห้าแบบสดๆ มาต้มกับน้ำ เพื่อเอาน้ำดื่มเป็นประจำ จะช่วยขับโลหิตเสียออกได้

5 รักษาอาการตกขาว นำเถาวัลย์เปรียงมาสับเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วต้มดื่มแทนน้ำ จะช่วยรักษาอาการตกขาวชนิดที่ไม่มีอาการคันและไม่มีกลิ่น พร้อมกับป้องกันเชื้อแบคทีเรียได้

เถาวัลย์เปรียงมีข้อห้ามใช้ด้วยเช่นกัน กล่าวคือ ห้ามใช้กับสตรีที่กำลังตั้งครรภ์ ผู้ป่วยที่เป็นโรคแผลเปื่อยเพปติก รวมถึงผู้ป่วยโรคหัวใจและโรคความดันโลหิตสูง

เรียบเรียงโดย : แชร์กันไป

มะละกอ ผลไม้บำรุงผิวพรรณและป้องกันโรคท้องผูก


มะละกอ ผลไม้บำรุงผิวพรรณและป้องกันโรคท้องผูก

มะละกอจัดว่าเป็นผลไม้ที่อยู่คู่กับคนไทยมานานนับร้อยปี จนในบางครั้งเราอาจจะนึกไปว่าเป็นพืชท้องถิ่นในบ้านเราไปแล้ว เนื่องจากมีเมนูประจำชาติที่จำเป็นต้องใช้มะละกอก็คือ "ส้มตำ" “นั่นเอง แต่ทราบหรือไม่ว่า ทุกส่วนของต้นมะละกอสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ทั้งสิ้น

1 บรรเทาอาการปวดกล้ามเนื้อ ให้รับประทานมะละกอสุกเป็นประจำ จะช่วยบำบัดและป้องกันอาการปวดข้อและปวดหลังได้ หรือใช้รากมะละกอตัวผู้แช่กับเหล้าขาวให้ท่วมนาน 7 วัน จากนั้นกรองเอาแต่น้ำมาทาแก้ปวดกล้ามเนื้อ หรืออ่อนเพลียไม่มีแรง

2 แก้เคล็ดขัดยอกและลดบวม ใช้รากมะละกอสดตำให้แหลกแล้วผสมกับเหล้าโรง จากนั้นนำมาพอกบริเวณที่มีอาการบวม หรือใช้ใบมะละกอสดลวกกับน้ำร้อน ตำพอหยาบๆ แล้วห่อกับผ้าขาวบาง ทำเป็นลูกประคบ

3 บำบัดโรคหวัด เพียงแค่นำมะละกอดิบมาปรุงอาหารเป็น “ส้มตำ” แล้วเพิ่มความเผ็ดจากพริกสักหน่อย จะช่วยขับน้ำมูกและบรรเทาอาการหวัดได้เป็นอย่างดี

4 รักษาอาการไข้สูง นำเนื้อมะละกอดิบมาต้มให้สุกจนเปื่อย แล้วใช้พอกที่ศีรษะเวลาที่มีไข้ขึ้นสูง และดื่มน้ำต้มมะละกอนั้นตาม จะช่วยให้ไข้ลดลงอย่างรวดเร็ว

5 แก้ผดผื่นคัน ใช้ใบมะละกอเพียง 1 ใบ ตำรวมกับน้ำมะนาว 2 ผล และเกลือ 1 ช้อนชา ให้ละเอียดเข้ากันดี จากนั้นนำมาทาผิวหนังที่มีผดผื่นคันบ่อยๆ

6 แก้โรคท้องผูกและป้องกันโรคริดสีดวงทวาร หมั่นรับประทานมะละกอที่สุกจนนิ่ม หลังจากรับประทานอาหารให้เป็นประจำทุกวันอย่างต่อเนื่อง จะช่วยให้ขับถ่ายสะดวกมากขึ้น โดยไม่ต้องทรมานกับอาการท้องผูกและเสี่ยงต่อการเป็นโรคริดสีดวงทวาร

นอกจากนี้การรับประทานมะละกอสุกเป็นประจำยังเหมาะกับสาวๆ ที่ต้องการควบคุมน้ำหนักอีกด้วย และช่วยบำรุงผิวพรรณให้สวยงาม หรือนำมาพอกหน้าเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นและลดจุดด่างดำบนผิวหน้าได้อีกด้วย

เรียบเรียงโดย : แชร์กันไป

มหัศจรรย์มาก..ฟักข้าว ผลไม้ต้านมะเร็งและเอชไอวี


มหัศจรรย์มาก..ฟักข้าว ผลไม้ต้านมะเร็งและเอชไอวี

ในช่วงหนึ่งที่อาหารเพื่อสุขภาพกำลังเป็นเทรนด์นิยมอย่างสูง ฟักข้าวก็เป็นผลไม้อีกชนิดหนึ่งที่ได้รับความนิยมไม่แพ้กัน ถึงแม้ว่าจะมีรูปร่างหน้าตาผิดแปลกไปจากผลไม้ทั่วไปและมีสีสันสดใส แต่ก็อุดมไปด้วยคุณค่าทางอาหารอย่างมากมายอันน่าทึ่ง ผู้คนจึงต่างพากันนิยมนำมาคั้นเป็นน้ำดื่มเพื่อสุขภาพ

1 เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ดี เพราะในฟักข้าวอุดมไปด้วยสารสำคัญที่ชื่อ “เบต้าแคโรทีน” ที่มากกว่าแครอท 20 เท่า “ซีแซนทีน” มากกว่าข้าวโพดเหลือง 40 เท่า และมีวิตามินซีสูงกว่าส้มถึง 40 เท่า ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยป้องกันการเกิดโรคหัวใจ โรคมะเร็งต่างๆ สร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย และบำรุงผิวพรรณให้ผุดผ่องสวยงาม

2 โดดเด่นที่สารไลโคปีน เป็นสารต้านอนุมูลอิสระอีกชนิดหนึ่ง ซึ่งในฟักข้าวมีปริมาณที่สูงกว่ามะเขือเทศถึง 70 เท่า มีสรรพคุณช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดและหัวใจ ชะลอความเสื่อมของร่างกายและริ้วรอยที่เกิดจากวัย ทำให้ระบบไหลเวียนของโลหิตมีประสิทธิภาพ

3 ปรุงเป็นยารักษาโรค ส่วนอื่นๆ ของต้นฟักข้าวสามารถนำไปใช้เป็นยาตามตำรับแพทย์แผนตะวันออกได้อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นส่วนใบ เมล็ด ยอด และราก เพื่อใช้ในการถอนพิษ ลดไข้ และรักษาโรคบางชนิด

4 ป้องกันโรคมะเร็ง เนื่องจากในผลฟักข้าวนั้นอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระอย่างมากมาย จึงสามารถช่วยป้องกันการเกิดโรคมะเร็งได้อย่างมีประสิทธิภาพดีเยี่ยม ซึ่งมีการศึกษาค้นคว้าในประเทศจีนแล้วพบว่า ผลฟักข้าวสามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของเซลล์ตับ และลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งตับอีกด้วย

5 ยับยั้งเชื้อ HIV จากผลการวิจัยของมหาวิทยาลัยมหิดลพบว่า โปรตีนจากผลฟักข้าวมีฤทธิ์ยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อ HIV และได้รับการจดสิทธิบัตรในประเทศไทยเรียบร้อยแล้ว

ดังนั้นถ้าเรามองข้ามรูปร่างอันแปลกประหลาดของผลไม้ชนิดนี้แล้ว ก็จะพบกับคุณประโยชน์อันน่าทึ่งที่ชวนให้ต้องหามารับประทานเลยค่ะ

เรียบเรียงโดย : แชร์กันไป

กระจับ ผลไม้หน้าตาแปลก ที่มากด้วยสรรพคุณทางยา


กระจับ..ผลไม้หน้าตาแปลก ที่มากด้วยสรรพคุณทางยา

“กระจับ” เป็นผลไม้ไทยที่หนุ่มสาวคนรุ่นใหม่อาจจะไม่เคยเห็นและไม่ค่อยรู้จักกันสักเท่าไร ผลไม้รูปทรงแปลกๆ สีดำที่มีลักษณะเหมือนเขาควาย เด็กๆ ชอบนำมาต้มรับประทานหรือใช้เป็นของเล่นนำเขามาขวิดกัน แต่เจ้าผลไม้หน้าตาประหลาดนี่ล่ะ ที่มีสรรพคุณทางยาตามตำรับยาไทยโบราณ

1 ยาบำรุงร่างกาย กระจับสามารถเป็นยาบำรุงร่างกายได้ทั้งเด็ก สตรี ผู้ชาย ผู้สูงอายุ หรือผู้ป่วยหลังจากการฟื้นไข้ โดยเฉพาะเด็กๆ จะช่วยเสริมสร้างเนื้อเยื่อภายในร่างกาย เพื่เตรียมตัวการเป็นผู้ใหญ่ที่แข็งแรง

2 บำรุงคุณแม่ กระจับมีสรรพคุณที่โดดเด่นมากคือ รับประทานเป็นยาบำรุงครรภ์ บำรุงน้ำนมให้มีปริมาณมาก และอุดมไปด้วยสารอาหารที่ปลอดภัยต่อร่างกายและลูกน้อย

3 บำรุงทารกในครรภ์ ในทางการแพทย์แผนไทย กระจับมีคุณสมบัติรสหวานและเย็น จึงช่วยบำรุงเนื้อหนังให้สมบูรณ์ ทารกในครรภ์ก็จะเจริญเติบโตได้ดี เนื่องจากกระจับมีส่วนช่วยเกี่ยวกับกลไกการเสริมสร้างเนื้อเยื่อส่วนต่างๆ นั่นเอง

4 ดับพิษร้อนในร่างกาย กระจับอ่อนสดๆ สามารถช่วยแก้อาการร้อนในกระหายน้ำได้เป็นอย่างดี

5 ดูแลลำไส้ ช่วยฟื้นฟูลำไส้หลังจากที่มีอาการท้องเสีย

6 ดูแลระบบสืบพันธุ์ สำหรับผู้ชายจะช่วยสร้างน้ำอสุจิให้มีปริมาณเพิ่มมากขึ้น ส่วนผู้หญิงจะช่วยสร้างไข่และบำรุงผนังมดลูกให้มีความแข็งแรง

วิธีการรับประทานกระจับเพื่อเป็นยาบำรุงกำลังและสุขภาพนั้น ให้นำผลกระจับจำนวน 100 ผล ต้มน้ำแล้วทิ้งไว้ให้เย็น จากนั้นปอกเปลือกออกแล้วนำเปลือกไปตากแดดให้แห้งสนิท ตำให้เป็นผงละเอียดเก็บใส่ขวดแก้วไว้ เมื่อจะรับประทานให้นำผงกระจับปริมาณ 1 ช้อนโต๊ะ ผสมกับน้ำตาล น้ำผึ้ง และนมสด ดื่มเพียงวันละครั้ง

นอกจากนี้ยังสามารถนำกระจับมาปอกเปลือกแล้วต้ม เพื่อรับประทานเป็นของว่าง หรือทำเป็นของหวานอย่างเช่นกระจับน้ำแข็งใสที่รับประทานร่วมกับเม็ดบัวและมะพร้าวอ่อน กระจับต้มน้ำขิง เป็นต้น

เรียบเรียงโดย : แชร์กันไป

มากสรรพคุณ..ฝรั่ง ผลไม้ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยวิตามินซี ชะลอความเสื่อม ป้องกันมะเร็งได้


มากสรรพคุณ..ฝรั่ง ผลไม้ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยวิตามินซี ชะลอความเสื่อม ป้องกันมะเร็งได้

เมื่อพูดถึงฝรั่งที่เป็นผลไม้ เชื่อว่าหลายๆ คนย่อมนึกถึงสรรพคุณที่ช่วยบรรเทาอาการท้องเสียหรือท้องร่วง พร้อมกับช่วยดับกลิ่นปากได้เป็นอย่างดี ซึ่งในบ้านเรานิยมนำมารับประทานแบบสดๆ หรือจิ้มกับพริกเกลือ เพื่อเพิ่มรสชาติความอร่อย แต่ฝรั่งก็ยังมีประโยชน์อีกหลายอย่างที่น่าสนใจดังนี้

1 ชะลอความเสื่อม ในฝรั่งเต็มเปี่ยมไปด้วยสารแอนตี้ออกซิแดนท์หรือสารต้านอนุมูลอิสระ จึงช่วยชะลอริ้วรอยที่เกิดจากวัยและความเสื่อมของเซลล์ภายในร่างกาย

2 บำรุงผิวพรรณและป้องกันโรคบางชนิด เพราะฝรั่งมีปริมาณวิตามินซีที่สูงมาก จึงช่วยป้องกันเลือดออกตามไรฟัน บำรุงผิวพรรณให้ขาวกระจ่างใส และทำให้ระบบไหลเวียนโลหิตทำงานเป็นปกติ

3 บำรุงสมอง แร่ธาตุฟอสฟอรัสและทองแดงที่พบในฝรั่งจะช่วยบำรุงสมองและระบบประสาท ทำให้เรามีความจำที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

4 ลดน้ำหนักอย่างได้ผล เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนักหรือลดความอ้วน เนื่องจากฝรั่ง 1 ลูก ให้พลังงานเพียง 45 กิโลแคลอรีเท่านั้น และยังช่วยให้อิ่มท้องได้นาน

5 ป้องกันโรคมะเร็ง สารต้านอนุมูลอิสระในฝรั่งสามารถช่วยให้เราห่างไกลจากโรคมะเร็งได้หลายชนิด เช่น โรคมะเร็งในช่องปาก โรคมะเร็งกล่องเสียง โรคมะเร็งหลอดอาหาร โรคมะเร็งตับอ่อน และโรคมะเร็งในช่องท้อง เป็นต้น

6 ป้องกันโรคหวัดและภูมิแพ้ ร่างกายของคนเราต้องการวิตามินซีเพียงวันละ 60 มิลลิกรัม แต่ในผลฝรั่งให้ปริมาณวิตามินซีมากถึง 160 มิลลิกรัม ช่วยให้มีภูมิต้านทานไม่เป็นโรคหวัดหรือมีอาการโรคภูมิแพ้ได้ง่าย

7 ลดความเสี่ยงโรคลำไส้อักเสบ ไฟเบอร์หรือเส้นใยอาหารในฝรั่งจะช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานเป็นปกติ ลำไส้จึงปราศจากการติดเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของโรคที่เกี่ยวกับลำไส้

ฝรั่งเป็นผลไม้ที่หาซื้อได้ง่ายในบ้านเรา และสามารถรับประทานได้ทุกวัน เพื่อสุขภาพและรูปร่างที่ดีของเรานั่นเองค่ะ

เรียบเรียงโดย : แชร์กันไป

น่าทึ่งมาก..มะกรูด สมุนไพรก้นครัวมากประโยชน์



น่าทึ่งมาก..มะกรูด สมุนไพรก้นครัวมากประโยชน์

มะกรูดเป็นพืชสมุนไพรที่อยู่ติดก้นครัวของคนไทยมาช้านาน ซึ่งเต็มเปี่ยมไปด้วยสรรพคุณมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการใช้ทำอาหาร ด้านความงาม หรือใช้เป็นยารักษาโรคและบำรุงสุขภาพ โดยเราจะมาทำความรู้จักกับประโยชน์ของมะกรูดให้มากขึ้น ดังนี้

1 บำรุงเส้นผม ช่วยแก้อาการผมร่วงและบำรุงเส้นผมให้เป็นเงางาม ด้วยการนำน้ำมะกรูดคั้นสดมาหมักผมทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที จะช่วยชะล้างสารเคมีและสารพิษที่ตกค้างบนเส้นผมได้

2 ขจัดรังแค เพียงแค่นำมะกรูดมาเผาไฟให้พอมีกลิ่นหอมและมีน้ำมันซึมออกมาบ้าง จากนั้นผ่าครึ่งแล้วบีบเอาน้ำมะกรูดชโลมให้ทั่วหนังศีรษะ หมักทิ้งไว้ประมาณ 15 – 30 นาที แล้วสระผมให้สะอาด จะช่วยแก้อาการคันหนังศีรษะและขจัดรังแคอย่างได้ผล

3 ดับกลิ่นต่างๆ มะกรูดสามารถช่วยดับกลิ่นต่างๆ ที่ไม่พึงประสงค์ได้ ไม่ว่าจะเป็นกลิ่นคาวของอาหาร หรือกลิ่นอับของเท้า และยังช่วยผ่อนคลายความเมื่อยล้าของร่างกายได้อีกด้วย

4 แก้อาการนอนไม่หลับ ถ้าหากนอนไม่หลับหรือมีอาการหลับยาก ให้นำผิวมะกรูดบดรวมกับไพล ขมิ้นอ้อย รากชะเอม และเฉียงพร้า ต้มเอาน้ำดื่มวันละครั้ง จะช่วยให้นอนหลับสบายขึ้น

5 ยาบำรุงหัวใจ นำผิวมะกรูดที่ฝานสดๆ ปริมาณ 1 ช้อนโต๊ะ ผสมกับพิมเสนหรือการบูรแล้วชงในน้ำเดือด แช่ทิ้งไว้สักพักแล้วเอามาดื่ม จะเป็นยาบำรุงหัวใจชั้นดี แต่ถ้าใช้ทั้งเปลือกมาชงจะช่วยแก้อาการวิงเวียน หน้ามืด หรือเป็นลมได้

6 แก้ปวดท้อง นำผลมะกรูดมาคว้านเอาไส้กลางออกแล้วผสมกับมหาหิงคุ์ จากนั้นเผาไฟให้เกรียมและบดเป็นผงละลายกับน้ำผึ้ง จะใช้เป็นยารับประทานแก้ปวดท้องสำหรับเด็กอ่อน

นอกจากนี้มะกรูดยังสามารถนำไปใช้ไล่ยุงหรือแมลงได้อีกด้วย เพราะว่ามีน้ำมันหอมระเหยอยู่มากนั่นเอง นับว่าเป็นสมุนไพรที่มากด้วยคุณประโยชน์จริงๆ

เรียบเรียงโดย : แชร์กันไป

กล้วยน้ำว้า..ประโยชน์ดีๆ ที่ช่วยป้องกันโรค


ต้องกินบ่อยๆ "กล้วยน้ำว้า" ประโยชน์ดีๆ ที่ช่วยป้องกันโรค

กล้วยน้ำว้าเป็นผลไม้ที่นิยมปลูกเพื่อบริโภคมาตั้งแต่สมัยโบราณ อุดมไปด้วยน้ำตาลธรรมชาติถึง 3 ชนิด ได้แก่ กลูโคส ฟรุกโทส และซูโครส ช่วยเพิ่มพลังงานให้กับร่างกายได้อย่างทันใจ และยังมีกากใยอาหารสูงอีกด้วย พร้อมกับช่วยป้องกันโรคต่างๆ ได้ดังนี้

1 โรคความดันโลหิตสูง เนื่องจากมีธาตุโพแทสเซียมสูง แต่มีปริมาณเกลือต่ำ จึงทำให้ช่วยลดความดันโลหิตได้เป็นอย่างดี และลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเส้นเลือดฝอยแตก

2 โรคโลหิตจาง มีธาตุเหล็กสูง จึงช่วยกระตุ้นการผลิตฮีโมโกลบินในเลือด ทำให้มีปริมาณเม็ดเลือดแดงเพิ่มมากขึ้น

3 โรคท้องผูก กล้วยน้ำว้าอุดมไปด้วยปริมาณเส้นใยและกากอาหาร ทำให้มีส่วนช่วยเกี่ยวกับระบบขับถ่ายทำงานเป็นปกติ แก้ปัญหาโรคท้องผูกโดยไม่ต้องพึ่งยารักษาได้ดี

4 อาการเสียดท้อง ในกล้วยน้ำว้าจะมีสารลดกรดตามธรรมชาติ เพียงแค่รับประทานหนึ่งผลจะช่วยแก้ปัญหาอาการปวดเสียดท้องและรู้สึกผ่อนคลายลง

5 โรคลำไส้เป็นแผล แพทย์มักจะใช้กล้วยน้ำว้าในการควบคุม เพื่อต้านการเกิดโรคลำไส้เป็นแผล เนื่องจากเนื้อกล้วยน้ำว้านั้นมีความอ่อนนุ่มและมีสภาพเป็นกลาง จึงไม่ก่อให้เกิดอาการระคายเคือง และยังเข้าไปช่วยเคลือบผนังลำไส้และกระเพาะ6 อาหารอีกด้วย

6 โรคซึมเศร้า กล้วยน้ำว้ามีสารโปรตีนที่ชื่อ Tryptophan ซึ่งเมื่อเข้าสู่ร่างกายจะเปลี่ยนเป็นสารอีกชนิดคือ Serotonin มีคุณสมบัติช่วยทำให้รู้สึกผ่อนคลายทางอารมณ์และความกังวล

7 ระบบประสาท การรับประทานกล้วยน้ำว้าที่อุดมไปด้วยวิตามินบี 6 จะมีสารสำคัญที่ช่วยควบคุมระดับกลูโคส ซึ่งมีผลต่ออารมณ์และช่วยทำให้ระบบประสาทสงบลงได้

8 อาการเมาค้าง เมื่อนำกล้วยน้ำว้ามาปั่นกับนมและน้ำผึ้ง จะช่วยบรรเทาอาการปวดศีรษะจากการเมาค้างได้เป็นอย่างดี

กล้วยน้ำว้าเป็นผลไม้ของไทยที่มีราคาไม่แพงและหาซื้อง่าย การรับประทานกล้วยน้ำว้าเป็นประจำจะช่วยให้สุขภาพดีขึ้นและไม่ป่วยง่ายด้วยค่ะ

เรียบเรียงโดย : แชร์กันไป